Page 799 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 799
๗๘๗
ื่
การน าหลักการของมาตรการบังคับทางอาญาอนมาใช้บังคับแก่ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้นั้น มิได้ถูกตรา
เป็นครั้งแรกในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ กลับปรากฏบทบัญญัติในลักษณะนี้ตั้งแต่มีการ
ประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๖ ด้วยเหตุผลว่า
ิ่
กฎหมายเดิมบางมาตรามีข้อความไม่รัดกุมเหมาะสมกับกาลสมัย ควรแก้ไขเพมเติมใหม่ให้เกิดประโยชน์แก่รัฐ
๒๗
และเป็นธรรมแก่ประชาชนยิ่งขึ้น ก่อนที่จะถูกยกเลิกไป แต่ก็ถือได้ว่ากฎหมายฉบับใหม่ยังคงหลักการ
ื่
มาตรการบังคับทางอาญาอนไว้เหมือนแนวหลักกฎหมายเดิม
เมื่อวิเคราะห์บทบัญญัติตามมาตรา ๓๑ แล้ว ตามวรรคหนึ่งเป็นบทก าหนดโทษส าหรับ
ผู้กระท าความผิดตามมาตรา ๑๔ ซึ่งกล่าวถึงการกระท าความผิดในเขตป่าสงวนแห่งชาติ กรณียึดถือ
ครอบครอง ท าประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ท าไม้ เก็บหาของป่า หรือ
๒๘
กระท าด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนตามวรรคสองเป็น
บทบัญญัติที่ท าให้ผู้กระท าความผิดนี้ต้องรับโทษหนักขึ้นในกรณีเหตุฉกรรจ์เนื่องจากมีการกระท าผิด
เกี่ยวข้องกับจ านวนเนื้อที่ที่เพมขึ้นของป่าสงวนแห่งชาติที่ได้รับความเสียหาย ชนิดไม้หวงห้าม จ านวน
ิ่
ื
ื
ไม้ที่เป็นต้นหรือท่อน และเพ่อคุ้มครองเขตอนุรักษ์และพ้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม อันได้แก่ ต้นน้ า
๒๙
ื
ล าธารและพ้นที่ชายฝั่ง บทบัญญัติวรรคหนึ่งและวรรคสองมีระวางโทษจ าคุกและปรับซึ่งถือว่าเป็น
โทษตามประมวลกฎหมายอาญาอันเป็นโทษประธานหรือโทษหลัก ส าหรับวรรคสามเป็นบทบัญญัติที ่
ให้อานาจศาลสั่งให้ผู้กระท าความผิด คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของผู้กระท าความผิดออก
จากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนสั่งให้ผู้กระท าความผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือน าสิ่งใด ๆ อัน
ก่อให้เกิดการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติภายในระยะเวลาที ่
ก าหนด อันเป็นมาตรการบังคับทางอาญาอ่นซึ่งเพ่มเติมจากโทษทางอาญา และมิใช่เป็นหลักเกณฑ ์
ื
ิ
ื
ของวิธีการเพ่อความปลอดภัยแต่อย่างใด แต่มีลักษณะเป็นข้อหาและค าบังคับในทางแพ่งที่กฎหมาย
๒๗ หมายเหตุท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองป่า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๖
๒๘ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ บัญญัติว่า “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิ
ให้บุคคลใดยึดถือครอบครองท าประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ท าไม้ เก็บหาของป่า หรือกระท า
ด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ เว้นแต่
(1) ท าไม้หรือเก็บหาของป่าตามมาตรา ๑๕ เข้าท าประโยชน์หรืออยู่อาศัยตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๖ ทวิ
หรือมาตรา ๑๖ ตรี กระท าการตามมาตรา ๑๗ ใช้ประโยชน์ตามมาตรา ๑๘ หรือกระท าการตาม
มาตรา ๑๙หรือมาตรา ๒๐
(2) ท าไม้หวงห้ามหรือเก็บหาของป่าหวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม่”.
๒๙ ผู้เขียนเห็นว่าการก าหนดโดยระบุให้ “พื้นที่ชายฝั่ง” เพื่อให้ต้องรับโทษสูงขึ้นตามมาตรา ๓๑ วรรคสอง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔ ) พ.ศ. ๒๕๕๙ นั้นถือเป็นการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้อง
กับที่ได้มีการบังคับใชกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการ
้
บริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒ ตอน ๒๑ ก ๒๖ มีนาคม
๒๕๕๘.