Page 858 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 858
๘๔๖
ิ
จึงเป็นไปด้วยความเคารพต่อค าพพากษาและค าสั่งของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ปัญหา
การก าหนดโทษในเรื่องนี้จึงจ าต้องพจารณาระหว่างการเยียวยาสังคมหรือการมุ่งเน้นที่ตัวผู้กระท าความผิด
ิ
แม้ว่าพฤติการณ์แห่งคดีจะเป็นเรื่องร้ายแรง แต่เมื่อผู้กระท าความผิดเป็นเด็ก ผู้เขียนเห็นว่า จ าต้อง
ิ
ิ
พจารณาสิ่งแวดล้อมทั้งปวงของจ าเลยเข้ามาพจารณาด้วย จ าเลยไม่ค่อยได้อาศัยอยู่กับครอบครัว เป็นบุตร
เพยงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่กับบิดามารดามาโดยตลอด บิดามารดาไม่ได้ให้ความรักความอบอนเท่าที่ควร ต่างกับ
ุ่
ี
ี
น้องคนอน ความรู้สึกถึงความมีคุณค่าในตนเองของจ าเลยที่มีต่อบิดามารดาย่อมไม่เพยงพอที่จ าเลยจะคิด
ื่
ได้ว่าตนเองควรจะได้รับเป็นธรรมดา โดยเฉพาะจ าเลยเห็นและรับรู้ได้ว่าผู้ตายได้รับความรักจากบิดา
มารดามากกว่าจ าเลย จ าเลยอยู่ในวัยก าลังเจริญเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงทางเพศและ
ฮอร์โมน การไม่ได้รับการศึกษาเรื่องเพศศึกษาย่อมขาดความรู้การชี้แนะที่ถกต้อง (ขณะเกิดเหตุจ าเลยไม่ได้
ู
รับการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษา) การกระท าความผิดของจ าเลยจึงเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวของจ าเลย
โดยแท้ เมื่อพจารณาถึงผู้เสียหายในคดีนี้ คือ ครอบครัวของจ าเลย ย่อมไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ิ
รวมทั้งไม่อยากให้จ าเลยได้รับโทษ ปรากฏจากค าเบิกความมารดาผู้ตายว่าไม่อยากให้จ าเลยรับโทษ
เพราะจะท าให้สูญเสียอนาคตของจ าเลยซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวอก ส าหรับความเสียหายในทางสังคม นั้น
ี
แม้จะปรากฏว่าเมื่อมีการลงโทษจ าเลยแล้ว สังคมก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด นอกจากจะท าให้จ าเลยเป็นบุคคล
ที่มีประวัติกระท าความผิดรอเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพมขึ้นอก ๑ คน รวมทั้งไม่เป็นการป้องปรามเพราะ
ี
ิ่
เหตุคดีนี้เป็นลักษณะเกิดในครอบครัว ยากที่จะป้องปรามได้ ผู้เขียนจึงเห็นด้วยกับศาลเยาวชนและ
ิ
ิ
ครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ที่มีค าสั่งให้น าวิธีการตามมาตรการพเศษแทนการพพากาคดีเพอแก้ไขบ าบัด
ื่
ิ
ฟนฟจ าเลย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.
ู
ื้
๒๕๕๓ มาตรา ๑๓๒ วรรคหนึ่ง เป็นระยะเวลา ๒ ปี การใช้ดุลยพนิจดังกล่าวอาจมีผู้อานหลายท่านไม่เห็นด้วย
่
ิ
ทั้งนี้แล้วแต่ดุลยพินิจในการพิจารณาถึงข้อเท็จจริงของแต่ละท่าน
้
คดีที่สอง โจทก์ฟองขอให้ลงโทษจ าเลยข้อหาร่วมกันข่มขืนกระท าช าเราผู้เสียหายอนมีลักษณะ
ั
เป็นการโทรมหญิง (มีผู้ร่วมกระท าความผิดบางคนที่ไม่ใช่เด็กและเยาวชนแยกตัวไปด าเนินคดีที่ศาลจังหวัด
ปทุมธานี) สถานพนิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดปทุมธานีรายงานข้อเท็จจริงท านองเดียวกับ
ิ
ิ
ค าเบิกความของผู้เสียหายในชั้นพจารณาว่า ขณะกระท าความผิดจ าเลยอายุ ๑๖ ปีเศษ วันเกิดเหตุจ าเลย
ื่
กับเพอนผู้ชายอก ๒ คน ไปคอนโดมีเนียมที่เกิดเหตุร่วมกันเสพกัญชา ผู้เสียหายเดินทางมาที่เกิดเหตุกับ
ี
ู
ื่
เพอนและคนรักของผู้เสียหาย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเพอนจ าเลยผู้ร่วมกระท าความผิดท าทีพดคุยในลักษณะ
ื่
ื่
ชู้สาวกับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่สนใจ เพอนจ าเลยจึงชวนจ าเลยปลุกปล้ าผู้เสียหายช่วยกันถอดเสื้อผ้า
ั
เพอนของจ าเลยมีเพศสัมพนธ์ผู้เสียหายจนส าเร็จความใคร่ จากนั้นจ าเลยจึงเข้ามามีเพศสัมพนธ์กับ
ั
ื่
ผู้เสียหาย เพอนของผู้เสียหายถ่ายวิดิทัศน์เก็บไว้ จากนั้นเพอนของจ าเลยจึงพาผู้เสียหายไปส่งที่บ้าน
ื่
ื่
ิ
ในเวลา ๔ นาฬกา เช้าวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ประวัติครอบครัวของ
จ าเลย มารดาจ าเลยพาจ าเลยและน้องหนีจากบิดาที่ชอบท าร้ายร่างกายมารดาไปอยู่ต่างเมือง ให้จ าเลย
และน้องอาศัยอยู่ที่มูลนิธิ จ าเลยพาน้องหนีออกจากมูลนิธิมาอยู่กับมารดา พบว่ามารดามีสามีใหม่และ