Page 250 - วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
P. 250
วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชำานัญพิเศษ
ประเมินได้เพราะเป็นผู้ครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ต่อมาหากผู้ครอบครองไม่เสียภาษี
่
ิ
ี
ี
ื
ู
ี
่
ี
เม่อถกประเมินภาษี เจ้าหน้าท่จะไม่สามารถเรยกให้เจ้าของทดนและสิงปลูกสร้างท่แท้จริง
ซ่งมีกําลังเงินท่จะเสียภาษีได้มาเสียภาษีได้เน่องจากเจ้าหน้าท่ไม่ได้ประเมินภาษีไปยังเจ้าของ
ี
ึ
ื
ี
ิ
ิ
ี
ี
ท่ดินละส่งปลูกสร้าง ส่งผลให้การใช้อํานาจยึดหรืออายัดท่ดินและส่งปลูกสร้างเพ่อมาบังคับ
ื
เอาค่าภาษีค้างก็ไม่สามารถทําได้เช่นกัน
ี
สําหรับผู้มีหน้าท่เสียภาษี ท่เป็นผู้ครอบครอง หรือผู้ใช้ประโยชน์ในท่ดินและส่งปลูกสร้าง
ี
ี
ิ
ที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ น่าจะหมายถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่ครองครองและใช้ประโยชน์ในที่ดิน
ของรัฐ ซึ่งยังไม่ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ และหมายความรวมถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่เช่าที่ดิน
ของส่วนราชการ เช่น กรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินของรัฐเป็น
ส่วนใหญ่
ี
ี
สําหรับท่ดินท่กรมธนารักษ์นําออกให้บุคคลหรือนิติบุคคลท่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐเช่า
ี
สามารถแยกได้เป็น 2 ประเภท กล่าวคือ กรณีที่หนึ่ง กรมธนารักษ์นําที่ดินเปล่าออกให้เช่า แล้ว
ิ
ื
่
่
่
ี
ู
ี
่
ี
บคคลนนก่อสร้างสงปลกสร้างบนทดนทเช่า กรณนต้องถอว่า กรมธนารกษ์เป็นเจ้าของทดน
ี
ิ
ี
้
้
ั
ุ
ิ
ั
ส่วนผู้เช่าที่ดินเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงนี้ เจ้าหน้าที่ก็ต้องประเมิน
ภาษีในส่วนที่ดินไปยังกรมธนารักษ์ และประเมินภาษีในส่วนสิ่งปลูกสร้างไปยังผู้เช่าที่ดิน
ื
แต่ตามกรณีข้างต้นอาจทําให้เกิดปัญหาได้ เพราะกฎหมายยกําหนดเร่องผู้มีหน้าท ่ ี
เสียภาษีในส่วนทรัพย์สินของรัฐ ไว้อีกประเภทหนึ่ง คือ ผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ี
ึ
ั
ี
ของรัฐ ซ่งทําให้เจ้าหน้าท่สามารถประเมินไปยังผู้เช่าท่ดินจากกรมธนารักษ์ได้ท้งในส่วนท่ดินและ
ี
ั
์
ิ
์
้
ี
ั
้
ี
่
ั
็
ิ
ู
้
่
ี
่
ิ
้
่
่
ื
ิ
้
้
สงปลูกสราง เพราะถอวาผเชาทดนเปนผใชประโยชนในทดนและทรพยสนของรฐ ทงน ประเดน
ู
็
ั
ํ
ั
ํ
ี
้
ิ
ั
่
ั
ู
นอาจจะไม่เกดปญหามากนก เพราะปกตในการทาสญญาเช่าผ้ให้เช่าทดินมกจะกาหนดในสญญา
ิ
ี
ั
ว่า ให้ผู้เช่าที่ดินรับผิดชอบในภาษีที่ดินด้วยอยู่แล้ว
ิ
กรณีท่สอง หากกรมธนารักษ์นําท่ดินและส่งปลูกสร้างออกให้เช่า กรมธนารักษ์จะ
ี
ี
ต้องเป็นผู้มีหน้าท่เสียภาษีท้งในส่วนท่ดินและส่งปลูกสร้าง โดยการนําส่งปลูกสร้างออกให้
ิ
ี
ั
ี
ิ
บุคคลอื่นเช่านั้น ปกติในสิ่งปลูกสร้างหนึ่งก็น่าจะมีผู้เช่าคนเดียว แต่ปัญหาอาจเกิดได้ในกรณีที่
หน่วยงานของรัฐจัดการหาผลประโยชน์ในลักษณะให้บุคคลจํานวนมากหรือหลายคนเช่า
ื
ส่งปลูกสร้างในสถานท่แห่งเดียว เช่น การให้บุคคลหลายคนเช่าพ้นท่ในอาคารและบริเวณ
ี
ิ
ี
สนามบิน หรือกรุงเทพมหานครให้เช่าตลาดนัดต่าง ๆ หากหน่วยงานรัฐกําหนดในสัญญาเช่าว่า
ให้ผู้เช่าซึ่งเป็นผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี จะเกิดความยุ่งยาก
ในการประเมินภาษีไปยังผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินและทรัพย์สินของรัฐด้วย
248