Page 144 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 144
ดุลพาห
โดยศาลจะเป็นบุคคลที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความมีเสถียรภาพในบริษัทก่อนที่จะมี
การตัดสินใจว่าจะปรับโครงสร้างหนี้หรือชำาระบัญชีของบริษัท
เดิม การปรับโครงสร้างหนี้แบบ JM ใช้ได้กับบริษัทที่จดทะเบียนในสิงคโปร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามจากการแก้ไข Companies Act ในส่วนบทนิยามของคำาว่า “company” ตาม
มาตรา ๒๒๗AA ในปี ค.ศ. ๒๐๑๗ ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ค.ศ. ๒๐๑๗
ทำาให้บริษัทที่จดทะเบียนนอกประเทศสิงคโปร์ที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับสิงคโปร์อย่างมีนัยสำาคัญ
สามารถเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้แบบ JM ได้ด้วย
๓.๒.๑ เงื่อนไขในการยื่นคำาร้องขอเพื่อให้บริษัทลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการ Judicial
Management และมีการแต่งตั้ง “a Judicial Manager”
ผู้ร้องขอได้แก่ ๑) บริษัท ๒) กรรมการของบริษัท (ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นหรือ
มติของคณะกรรมการบริษัท) หรือ ๓) เจ้าหนี้คนเดียวหรือหลายคนของบริษัท เมื่อผู้ร้องขอ
พิจารณาแล้วเห็นว่า (a) บริษัทไม่สามารถหรือจะไม่สามารถชำาระหนี้ได้ และ (b) มีความน่าจะ
เป็นตามสมควรของการฟื้นฟูบริษัทลูกหนี้หรือการรักษาธุรกิจของลูกหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน
ไว้ในลักษณะที่กิจการยังดำาเนินต่อไป หรือประโยชน์ของเจ้าหนี้ทั้งหลายจะได้รับการคุ้มครอง
มากกว่าการเข้าสู่กระบวนการชำาระบัญชี (มาตรา ๒๒๗A และ ๒๒๗B)
สำาหรับความหมายของคำาว่า “การไม่สามารถชำาระหนี้ได้” (“inability to pay
debts”) นั้น มาตรา ๒๒๗B (๑๒) ได้ระบุให้นำานิยามของคำาดังกล่าวในมาตรา ๒๕๔ (๒)
มาใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา ๒๕๔ (๒) ได้บัญญัติว่า บริษัทจะถือว่าไม่สามารถชำาระหนี้ได้เมื่อ (a)
บริษัทเป็นหนี้เจ้าหนี้มากกว่า ๑๐,๐๐๐ เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งถึงกำาหนดชำาระแล้ว และ
ได้มีการส่งหนังสือทวงหนี้ไปยังสำานักงานของลูกหนี้ที่ได้ระบุไว้ในขณะจดทะเบียน ซึ่งบริษัท
ลูกหนี้ได้รับไว้เองหรือโดยตัวแทน และภายหลังได้รับหนังสือทวงหนี้แล้ว ๓ สัปดาห์ บริษัท
ลูกหนี้ก็เพิกเฉยไม่ชำาระหนี้หรือไม่ให้หลักประกันเพื่อการชำาระหนี้จนเป็นที่พอใจแก่เจ้าหนี้
(b) มีกระบวนการบังคับคดีตามคำาพิพากษาหรือคำาสั่งของศาลเพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้ของ
บริษัทลูกหนี้แล้วไม่สามารถชำาระหนี้ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ (c) มีการพิสูจน์จนเป็นที่
พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑ 133