Page 146 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 146

ดุลพาห




                        ศาลจะมีคำาสั่ง JM ของบริษัทเมื่อ (a) ศาลรับฟังจนเป็นที่พอใจว่าบริษัทไม่สามารถ
               หรือมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถชำาระหนี้ได้ และ (b) ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าการมีคำาสั่ง JM

               จะทำาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ข้อหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งข้อดังต่อไปนี้ (๑) การอยู่รอดของบริษัท

               หรือทั้งหมดหรือบางส่วนของกิจการในลักษณะที่กิจการยังดำาเนินการต่อไปได้ (๒) การปรับ
               โครงสร้างหนี้ตามมาตรา ๒๑๐ และ ๒๑๑I ระหว่างบริษัทและบุคคลผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

               ได้รับการยอมรับ และ (๓) การได้รับส่วนแบ่งชำาระหนี้จากสินทรัพย์ของบริษัทมากกว่าในกรณี
                                             ๘
               บริษัทเข้าสู่กระบวนการชำาระบัญชี

                        คำาสั่ง JM จะระบุว่าคำาสั่งดังกล่าวมีระยะเวลานานเท่าใด รวมทั้งวัตถุประสงค์หนึ่ง
               ข้อหรือมากกว่าหนึ่งข้อที่คำาสั่งดังกล่าวจะทำาให้สัมฤทธิ์ผล JMR ซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยศาลมี

               อำานาจในการครอบครองและบริหารกิจการและทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ โดยเข้าไปแทนที่
               ผู้บริหารเดิมของลูกหนี้ (มาตรา ๒๒๗B (๒)) ผู้ร้องขอจะต้องระบุบุคคลที่จะมาทำาหน้าที่ JMR

               ในคำาร้องขอ บุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (a public accountant) ซึ่ง

               ไม่ใช่ผู้สอบบัญชีของบริษัทลูกหนี้ ศาลมีอำานาจที่จะไม่แต่งตั้งบุคคลที่ผู้ร้องขอเสนอเป็น JMR
               และสามารถแต่งตั้งบุคคลที่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสมเป็น JMR (มาตรา ๒๒๗B (๒)

               และ (๓)(a)(b))

                        ศาลไม่สามารถมีคำาสั่ง JM ได้ หากบริษัทได้เข้าสู่กระบวนการชำาระบัญชีแล้ว การ

               ปรับโครงสร้างหนี้แบบ JM ไม่ใช้บังคับแก่ธนาคารที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการตาม
               Bankruptcy Act (Cap.19) บริษัทให้บริการด้านการเงินที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ

               ตาม Finance Companies Act (Cap.108) หรือบริษัทประกันภัยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบ
               กิจการตาม Insurance Act (Cap. 142) (มาตรา ๒๒๗B (๗))


               ๘. Power of Court to make a judicial management order and appoint a judicial manager
                 227B.—(1)…the Court may make a judicial management order in relation to the company if,
                 and only if,--
                      (a) it is satisfied that the company is or is likely to become unable to pay its debts; and
                       (b) it considers that the making of the order would be likely to achieve one or more
                 of the following purposed, namely:
                        (i) the survival of the company, or the whole or part of its undertaking as a going concern;
                        (ii) the approval under section 210 or 211I of a compromise or arrangement between
                        the company and any such persons as are mentioned in that section;
                        (iii) a more advantageous reaslisation of the company’s assets would be effected than
                        on a winding up.

               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                     135
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151