Page 222 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 222

ดุลพาห




                        คำาว่า assume ที่กล่าวถึงไปข้างต้นมีความหมายได้หลายลักษณะ แต่ในความหมาย
               ในที่นี้เป็นการที่เราตั้งสมมติฐานว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเพื่อวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์

               และให้เหตุผลต่อไป อย่างเช่นในข้อความข้างต้น หากเราไม่ตั้งสมมติฐานว่าสามารถระบุ

               อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่บกพร่องได้เสียแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะวิเคราะห์ต่อไปถึงความรับผิด
               ที่จะเกิดขึ้นเพราะเมื่อไม่รู้ว่าอุบัติเหตุเกิดจากอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนใดแล้วก็ย่อมไม่สามารถ

               พิสูจน์ต่อไปได้เช่นกันว่าสินค้านั้นเป็นสินค้าที่ไม่ปลอดภัย

                        หากรถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถที่สามารถควบคุมการทำางานได้ด้วยตนเอง

               เช่น เมื่อเราก้าวเข้าไปในรถที่มาเทียบริมทางเท้าตามแอปที่เรากดเรียกจากในโทรศัพท์เคลื่อนที่
               รถก็จะพาเราไปยังจุดหมายที่เราต้องการจากข้อมูลจุดหมายปลายทางที่เราป้อนเข้าไป

               ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยรถคันดังกล่าวเป็นรถของบริษัทที่ให้บริการทางด้านนี้  ส่วนการ
               ที่รถจะไปเส้นทางใดนั้นระบบภายในรถจะเลือกเส้นทางเองจากการคำานวณในแผนที่และ

               การจราจรว่าเส้นทางใดที่จะทำาให้ไปถึงจุดหมายได้เร็วที่สุดโดยไม่ต้องเผชิญกับการจราจร

               ที่ติดขัดจนเกินไป กรณีแบบนี้เราจะเห็นได้ว่าผู้ที่เข้าไปในรถไม่ได้ควบคุมหรือบังคับรถยนต์
               คันดังกล่าวแต่อย่างใด การเกิดอุบัติเหตุขึ้นคงจะไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากความจงใจหรือ

               ประมาทเลินเล่อของบุคคลนั้น และคงยากที่จะบอกว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ควบคุมดูแลรถยนต์
               คันนั้น เพราะระบบลักษณะนี้บริษัทที่เป็นเจ้าของรถย่อมสามารถส่งคำาสั่งกำาหนดให้รถทำางาน

               ในลักษณะอย่างใดก็ได้ บุคคลที่นั่งในรถจึงไม่สามารถกำาหนดการทำางานของรถได้มากไปกว่า
               การระบุจุดหมายปลายทาง


                        หากเรามองในเชิงข้อพิจารณาทางนโยบายกฎหมาย การให้ผู้ที่นั่งไปในรถประเภทนี้
               ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ยากเช่นกันที่จะบอกได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้กระทำาการใด

               ที่ตนมีส่วนทำาให้เกิดความเสียหายขึ้น เพราะลำาพังแต่การขึ้นไปนั่งยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการ

               กระทำาที่มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ที่สำาคัญคือการให้บุคคลดังกล่าวต้องรับผิดก็ไม่มีผล
               ต่อการป้องกันหรือป้องปรามไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอย่างเดียวกันอีกในอนาคต เพราะเมื่อบุคคล

               ดังกล่าวไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงระบบการทำางานของรถยนต์และไม่สามารถควบคุมดูแล
               รถได้ในขณะที่ตนเองนั่งอยู่ในรถ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันอีกบุคคลนั้นก็ไม่สามารถ

               บำาบัดปัดป้องอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้อยู่เช่นเดิม







               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                     211
   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226