Page 262 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 262
ดุลพาห
ดังกล่าวไปใช้ เพราะสุดท้ายผู้ผลิตและผู้ประกอบการทุกรายย่อมต้องถือว่าค่าเสียหายที่จ่ายไป
เป็นต้นทุนการทำาธุรกิจอีกส่วนหนึ่ง และต้องกระจายต้นทุนที่เกิดขึ้นแฝงไว้ในราคาสินค้าที่
จำาหน่ายด้วย เมื่อเฉลี่ยต้นทุนนี้ไปยังสินค้าจำานวนมากทำาให้ต้นทุนที่ลูกค้าแต่ละรายต้องจ่าย
ไม่สูงมากนัก อย่างน้อยก็เป็นภาระที่น้อยกว่าการให้ผู้ที่ประสบความเสียหายจากอุบัติเหตุ
ที่เกิดขึ้นอย่างเช่นนายอังคารในกรณีศึกษาต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและความเสียหายที่
เกิดขึ้นไว้เพียงลำาพัง
อย่างไรก็ตาม ภาระนี้แม้อาจจะดูเหมือนเป็นภาระที่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่หาก
พิจารณาถึงคุณลักษณะของสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นสมองกลในการควบคุมการ
ทำางานย่อมจะเห็นได้ว่าสิ่งประดิษฐ์และสินค้าเหล่านี้ควรจะมีความปลอดภัยสูงกว่าสินค้าที่ไม่มี
ระบบดังกล่าว เมื่อมีความปลอดภัยสูงกว่า โอกาสที่จะสร้างความเสียหายที่จะทำาให้เกิดความ
รับผิดย่อมน้อยลงตามไปด้วย แม้จะเกิดความเสียหายขึ้นก็เป็นความเสียหายที่น้อยกว่าการ
ไม่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ควบคุมการทำางานของสิ่งของเหล่านี้ อย่างเช่นในกรณีศึกษาในที่นี้ การที่
ปัญญาประดิษฐ์ในรถยนต์คันเกิดเหตุกำาหนดวิธีการตอบสนองต่อเหตุการณ์เฉพาะหน้าใหม่
ด้วยการใช้ห้ามล้อแต่ไม่ใช้ความแรงมาก ทำาให้รถหักหลบพ้นกำาแพงและไม่ทำาให้นายจันทร์
ได้รับอันตราย แม้อาจจะชนถูกนายอังคาร แต่ด้วยเหตุที่ทิศทางรถอยู่ในขณะที่หักหลบไปทางอื่น
แรงปะทะย่อมลดลงและน่าจะน้อยกว่ากรณีที่แม้จะใช้การห้ามล้ออย่างแรงแต่ระยะกระชั้นชิด
เกินไปจนไม่น่าจะหยุดรถได้ทัน ผนวกด้วยอันตรายจากรถคันที่วิ่งตามหลังที่อาจจะชนท้ายรถ
อีก อันตรายที่เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายซึ่งหากคำานวณเป็นหน่วยวัดค่าเสียหายน่าจะน้อย
กว่าการไม่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เลย ทำาให้ภาระและความรับผิดของผู้ผลิตไม่สูงเกินไปนัก
ประเด็นปัญหาต่างๆ เหล่านี้คงเป็นข้อพิจารณาเบื้องต้นด้วยเหตุที่การใช้ปัญญา
ประดิษฐ์ยังไม่แพร่หลายมากนัก บทเรียนที่ได้จากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ก็มีจำากัดตามไปด้วย
เมื่อมีการใช้และเรียนรู้มากขึ้น การกำาหนดนโยบายทางกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดต่อความ
เสียหายที่เกิดจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้คงจะมีความชัดเจนขึ้นตามลำาดับ
กันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๑ 251