Page 257 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 257
ดุลพาห
Utility ที่ผู้ใช้จะได้รับจากสินค้าชนิดเดียวกันนั้นว่าหากเปลี่ยนแปลงลักษณะบางประการของ
สินค้าที่เป็นเหตุทำาให้เกิดอันตรายขึ้นได้แล้วจะทำาให้ความเสี่ยงดังกล่าวมากขึ้นหรือลดน้อยลง
แต่การลดอันตรายดังกล่าวต้องพิจารณาวิเคราะห์เปรียบเทียบเชิงปริมาณ (quantitative)
กับภาระต้นทุนที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงลักษณะดังกล่าวของสินค้าด้วย เพราะแม้
การเปลี่ยนแปลงบางประการอาจทำาให้สินค้ามีความปลอดภัยสูงขึ้น แต่ส่วนต่างของความ
ปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น (incremental benefits) เมื่อคิดเป็นปริมาณแล้วมีจำานวนไม่มาก
แต่กลับจะทำาให้ต้นทุนการผลิตสินค้าชนิดนั้นพุ่งสูงขึ้น (incremental costs) เกินสัดส่วน
ของความปลอดภัยที่จะเพิ่มขึ้น กรณีลักษณะนี้ก็อาจถือว่าสินค้านั้นไม่ถือว่าเป็นสินค้าที่
ไม่ปลอดภัยและผู้ผลิตสินค้าอาจไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะอาจถือว่า
การผลิตสินค้านั้นทำาให้เกิดความปลอดภัยตามสมควรแล้วเมื่อคำานึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิด
อันตรายและภาระต้นทุนที่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงลักษณะของสินค้านั้น
ในกรณีศึกษาของเรา อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการที่ระบบของรถยนต์คันที่
นายจันทร์ขับมาประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วกำาหนดแนวทางตอบสนองใหม่จาก
“ประสบการณ์” ที่สั่งสมมาในระบบว่าแนวทางนั้นจะทำาให้เกิดอันตรายโดยรวม (เมื่อคำานึงถึง
อันตรายต่อนายจันทร์ที่อยู่ในรถและอันตรายต่อนายอังคารที่กำาลังข้ามถนน รวมถึงอันตราย
ต่อรถคันที่ขับตามมาและคนอื่นที่อยู่ในบริเวณนั้น) น้อยกว่าแนวทางตอบสนองที่กำาหนดไว้
เดิม ผลจึงเท่ากับว่าระบบของรถยนต์ได้ประเมิน “ความเสี่ยง (Risk)” กับ “อรรถประโยชน์
(utility)” ในเชิงปริมาณสำาหรับกรณีนี้แล้วได้ผลสรุปว่าความเสี่ยงและอันตรายจากแนวทาง
ดังกล่าวมีน้อยกว่าแนวทางอื่นและอรรถประโยชน์หรือความปลอดภัยที่จะเกิดแก่ทุกฝ่าย
มีมากกว่าแนวทางอื่น ๆ ดังนั้น จึงถือได้ว่ารถยนต์คันนี้ไม่ถือว่าเป็นสินค้าที่ไม่ปลอดภัยตาม
แนวทางนี้
หากพิจารณาตามพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่
ไม่ปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๑ สินค้าที่ไม่ปลอดภัยหมายถึง “สินค้าที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความ
เสียหายขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุจากความบกพร่องในการผลิตหรือการออกแบบ หรือ
ไม่ได้กำาหนดวิธีใช้ วิธีเก็บรักษา คำาเตือน หรือข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า หรือกำาหนดไว้แต่ไม่ถูกต้อง
หรือไม่ชัดเจนตามสมควร” ประเด็นที่จะเกิดขึ้นก็จะคล้ายคลึงกับที่ได้กล่าวถึงแล้วว่าการ
พิจารณาถึงความรับผิดของผู้ประกอบการก็จำาเป็นจะต้องพิจารณาประกอบว่าความเสียหาย
ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะ (๑) ความบกพร่องในการผลิต (๒) ความบกพร่องในการออกแบบ
246 เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕