Page 104 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 104
๘๖
๓.๒.๗ รำยงำนผลกำรวิจัยเชิงคุณภำพ
ผู้วิจัยสรุปผลการวิเคราะห์เอกสารที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย เสนอข้อค้นพบที่
สำคัญ อภิปรายผล และสร้างกรอบแนวคิดองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย
๓.๓ ระยะที่ ๒ กำรออกแบบกำรวิจัยเชิงปริมำณ (Quantitative research)
ขั้นตอนนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณด้วยรูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจแบบอธิบาย
(Explanatory Survey Research) สำหรับประเภทของการวิจัยแบบขั้นตอนเชิงสำรวจ โดยทั่วไป
จำแนกออกได้เป็น ๓ ประเภทหลัก คือ การวิจัยแบบพรรณนา (Descriptive Survey Research)
การวิจัยแบบสัมพันธ์ (Correlational Survey Research) และการวิจัยเชิงอธิบาย (Explanatory
Survey Research) สำหรับการวิจัยนี้เลือกใช้การวิจัยเชิงอธิบายเพราะเป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นไปที่การ
อธิบายสาเหตุของปรากฏการณ์ และการยืนยันทฤษฎีหรือองค์ความรู้กับข้อมูลเชิงประจักษ์ในปัจจุบัน
ว่า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับใด ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ข้อที่ ๓ ของการวิจัย คือสามารถ
ตรวจสอบและยืนยันกรอบแนวคิดองค์ความรู้ “การบูรณาการการจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยา
ด้วยหลักธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท” โดยการวิเคราะห์สมการความสัมพันธ์เชิง
โครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM) ด้วยใช้เทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิง
๑
ยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis: CFA)
ข้อดีของกำรวิจัยแบบขั้นตอนเชิงส ำรวจ คือ เป็นวิธีการที่รวดเร็ว ประหยัด และสะดวก
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่สามารถเก็บรวบรวมขอมูลได้หลากหลาย
้
ประเภท เช่น พฤติกรรม ความคิดเห็น ทัศนคติ เป็นต้น ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม
สามารถนำมาวิเคราะห์ทางสถิติได้หลายเทคนิควิธี
ข้อจ ำกัดของกำรวิจัยแบบขนตอนเชิงส ำรวจ คือคุณภาพข้อมูลขึ้นกับรูปแบบวิธีการเก็บ
ั้
ข้อมูล หากเป็นวิธีการเก็บแบบออนไลน์ จำเป็นต้องระวังคำตอบที่ได้มาว่ามีความถูกต้อง เชื่อถือได้
หรือเป็นความจริงของผู้ตอบ ไม่เกิดจากการเดาสุ่ม
มีขั้นตอนของการวิจัย ดังนี้
๑ Kline, R.B., Principles and practice of structural equation modeling, 5 ed.,
th
(New York: The Guilford Press, 2011), pp. 3-427.

