Page 102 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 102
๘๔
Modeling: SEM) ด้วยวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis:
CFA)
ุ
๓.๒ ระยะที่ ๑ กำรออกแบบกำรวิจัยเชิงคณภำพ (Qualitative research Design)
การวิจัยเชิงคุณภาพสำหรับงานวิจัยนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงเอกสาร (Document
Research) ซึ่งเป็นวิธีการศึกษาที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์เอกสารและข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ โดยการวิจัยนี้
ุ
ศึกษาในประเด็นความโกรธที่ปรากฏในคัมภีร์พระพทธศาสนาเถรวาท และตำราทางจิตวิทยา ขั้นตอน
ในการดำเนินการวิจัยเชิงเอกสาร มีดังนี้
๓.๒.๑ ก ำหนดปัญหำและค ำถำมวิจัย
สำหรับการวิจัยนี้ ได้กำหนดคำถามวิจัยไว้ ๓ ข้อ ดังนี้
๑) ศาสตร์ทางจิตวิทยาตะวันออกมีแนวคิด ทฤษฎี และวิธีการจัดการความโกรธอย่างไร
บ้าง?
ุ
๒) พระพทธศาสนาเถรวาทมีหลักธรรมและแนวปฏิบัติใดที่ช่วยระงับความโกรธ?
๓) การจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยาสามารถนำมาบูรณาการกับหลักธรรมระงับ
ความโกรธในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทได้อย่างไร?
๓.๒.๒ ทบทวนวรรณกรรม
การวิจัยนี้เป็นการบูรณาการศาสตร์จิตวิทยาสมัยใหม่เกี่ยวกับความโกรธที่สามารถวัดได้
จากพฤติกรรมที่แสดงออกทางกายและวาจา ส่วนในระดับจิตยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
สมัยใหม่ใดวัดได้หรืออธิบายได้ในระดับปรมัตสัจจะ สิ่งที่วัดได้เป็นเพียงการคาดคะเนหรือคาดการณ์
เท่านั้น จึงเป็นช่องว่าง (Gap) ที่ทางพระพุทธศาสนาจะมาช่วยเสริมเติมให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นใน
เรื่อง ความโกรธในระดับจิตโดยเฉพาะเรื่องโทสมูลจิตที่เป็นการเข้าถึงจิตในระดับจิตใต้สำนึกหรือ
ภวังคจิต ดังนั้นการทบทวนวรรณกรรมจะศึกษาใน ๒ ประเด็น ดังนี้
๑) แนวคิด ทฤษฎี เรื่องการจัดการความโกรธทางจิตวิทยา
๒) แนวคิด ทฤษฎี เรื่องหลักธรรมระงับความโกรธในพระพุทธศาสนา
๓.๒.๓ คัดเลือกเอกสำรที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาทางเอกสาร (Document study) สิ่งที่จำเป็นมากคือการคัดเลือกเอกสารที่ต้อง
มีความน่าเชื่อถือ (Reliability) และระบุแหล่งข้อมูล (Reference) ที่ถูกต้องและชัดเจนสามารถย้อย
กลับ (Retrieve) ไปตรวจสอบได้เสมอ สำหรับการวิจัยนี้เลือกใช้เอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

