Page 130 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 130
๑๑๒
เสนอตัวอย่างของเครื่องมือการประเมินความโกรธ คือ State-Trait Anger Expression Inventory
(STAXI) และ สปิลเบอร์เกอร์ ได้เสนอให้ใช้ตำแหน่งเปอร์เซนไทล์เป็นค่ากำหนดระดับความโกรธ
ค่าคะแนนเปอร์เซนไทล์ (%) < ๒๐ หมายถึง เป็นผู้ที่เมื่อเกิดความโกรธแล้วสามารถควบคุมได้ ค่าอยู่
ช่วง ๒๐ - ๗๕ หมายถึง เป็นผู้ที่เมื่อเกิดความโกรธแต่เก็บไว้ภายใน ไม่ถึงกับส่งผลกระทบแก่ผู้อื่นและ
ค่า > ๗๕ เป็นผู้ที่เมื่อเกิดความโกรธแล้วจะแสดงออกภายนอกและส่งผลกระทบทางลบแก่ผู้อื่นได้
๔.๑.๒ การจัดการความโกรธทางจิตวิทยาด้วย “RRCCLHR Model”
การจัดการความโกรธในจิตวิทยามีการพัฒนาและปรับปรุงวิธีการและเทคนิคต่างๆ เพื่อ
ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายและซับซ้อนของบุคคล วิธีการจัดการความโกรธทางจิตวิทยา
มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจที่มาของความโกรธและการพัฒนาทักษะในการควบคุมและแสดงออก
อย่างสร้างสรรค์ เช่น การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy -
CBT) การประเมินความคิด (Cognitive Restructuring) การฝึกการควบคุมอารมณ์ (Emotion
่
ิ
Regulation Training) การฝึกสมาธ (Mindfulness Meditation) การฝึกการผอนคลาย (Relaxation
Techniques) การฝึกทกษะการสื่อสาร (Communication Skills Training) การจัดการความโกรธ
ั
เชิงบวก (Positive Anger Management) การบำบัดทางชีวภาพ (Biological Interventions) การ
บำบัดแบบกลุ่ม (Group Therapy) และการบำบัดด้วยศิลปะและกิจกรรม (Art and Activity
Therapy) เป็นต้น
สำหรับการวิจัยนี้วิเคราะห์การจัดการความโกรธในแง่ของการส่งเสริมป้องกันการเกิด
ความโกรธที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการจัดการความโกรธในเชิงคลินิกการบำบัด หรือ
การรักษาจะไม่นำมาใช้ในการวิเคราะห์ในงานวิจัยนี้ ผลการวิเคราะห์และสังเคราะห์ออกมาเป็นวิธีการ
จัดการความโกรธทางจิตวิทยา โดยให้ชื่อว่า RRCCFLHR model รายละเอียดตามภาพ ที่ ๔.๑
ดังนี้
๑) การรับรู้และยอมรับความโกรธ (Recognizing and Accepting Anger)
การรับรู้ (Recognizing) ทางจิตวิทยาเป็นการตีความและทำความเข้าใจกับสิ่งกระตุ้น
ภายนอกที่ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การเห็น การได้ยิน การสัมผัส การดมกลิ่น และการรับรส
การรับรู้ว่ามีเหตุการณ์บางอย่างมากระตุ้น บุคคลจะตีความจากการรับรู้ของตนเองด้วยการอ้างอิงถึง
ประสบการณ์ในอดีตและตัดสินว่าส่งผลดีหรือผลเสียต่อตนเอง จากนั้นบุคคลจะใช้การประเมิน
เหตุการณ์อย่างรวดเร็วและจะตัดสินใจยอมรับ (Accepting) หรือปฏิเสธต่อเหตุการณ์นั้น ขึ้นอยู่กับ
ประสบการณ์ของแต่ละบุคคลส่งผลให้บุคคลมีการตอบสนองที่แตกต่างกันออกไปแม้จะประสบกับ
เหตุการณ์ที่คล้ายกัน สำหรับการวิจัยนี้เน้นการเพิ่มทักษะการยอมรับต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะ
ส่งผลกระทบทางบวกหรือทางลบ เนื่องจากอารมณ์โกรธเป็นตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องนำมา

