Page 38 - จุลสารฉบับพิเศษ เล่าขานตำนานศาลายา ประจำปี 2563
P. 38

๓๐  |           “กับข้าวกับปลา  กับยา”



                    ส่วนนิโกลา แชแวส (Nicolas Gervaise) ซึ่งเข้ามาอยุธยาในรัชกาล
            สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเช่นกัน กล่าวตรงกับลาลูแบร์ว่าคนไทยชอบอาบน ้ามาก

            ปรัชญาการอาบน ้ามิใช่เพื่อช าระร่างกายให้สะอาดเท่านั้น ยังถือว่าเป็น
            การส าราญใจอย่างหนึ่งของชีวิต พวกขุนนางและสตรีที่มีฐานะจะอาบน ้าภายใน

            บ้านของตน ส่วนคนทั่วไปจะชวนกันไปอาบน ้าในแม่น ้าพร้อมๆ กัน โดยใช้ผ้า
            ชุดเก่าๆ ผลัดและจะอาบแล้วต้องอบด้วยของหอมและใช้สีขี้ผึ้งทาปาก

            ทั้งประแป้งเป็นดอกขาวๆ ที่ยอดอก ส าหรับการไปเยี่ยมผู้อื่นนั้นถ้าไม่อาบน ้า
            เสียก่อนถือว่าไม่สุภาพ


                    ส าหรับการนอน มักนอนบนพื้นห้องโดยมีเสื่อและพรมปูและใช้ฟูก
                                                       ี้
            ปูทับและมุ้งกันยุง ส่วนการรักษาฟันใช้กิ่งข่อยทุบหรือเคยวน ้ามาสีฟัน และชอบ
            กินหมากท าให้คราบน ้าหมากจับกรังหนาที่ฟันจนกลายเป็นสีด า หรือย้อมฟัน
            ให้ด าโดยใช้มะนาวผ่าซีก อมไว้ในกระพุ้งแก้ม แล้วใช้น ้ายางท าจากรากไม้หรือ

            กะลาเผาไฟถูฟันเพื่อให้ฟันด าในระหว่างการย้อมต้องใช้เวลา ๓ วัน โดยนอนคว ่า
            และอดอาหาร


                    นิโกลา แชแวส ได้สรุปการแพทย์แผนไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
            มหาราชว่า “ส่วนแพทย์ในประเทศสยำมนั้นเหมือนกับหมอบ้ำนนอกในประเทศเรำ

            คือเป็นทั้งเภสัชกรและศัลยแพทย์ด้วย เขำปรุงน ้ำมันทำและโอสถขึ้นเองตำม
            ควำมประสงค์ โอสถเหล่ำนี้มีสรรพคุณครอบจักรวำลคือรักษำโรคได้ร้อยแปด

            มีกำรให้อดของแสลงเป็นต้นเป็นประธำน แล้วให้ต้มน ้ำยำอำบติดต่อกันเป็น
            เวลำหลำยวันเพื่อบ ำบัดอำกำรไข้ ส ำหรับโรคไขข้ออักเสบเขำนวดบริเวณที่มี

            อำกำรปวดแล้วเอำก้อนกรวดเผำไฟห่อผ้ำประคบ กำรกอกก็ใช้ส ำหรับอำกำร
            โรคปวดหัวมัวตำโดยใช้กอกด้วยเขำควำยเป็นที่น่ำเสียว่ำหมอเหล่ำนี้ไม่รู้จัก

            อำกำรโรคอย่ำงอื่นอีกเลย และโอสถของเขำก็ปรุงขึ้นโดยมิได้รับกำรรักษำหรือ
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43