Page 28 - e-book 35 years
P. 28
ส�ำนักวิปัสสนำพัฒนำทำงจิต
ว่ำโดยสภำวะเป็นเร่องของอภิธรรม คือธรรมอันย่ง เป็นปรมัตถธรรม และเป็น
ิ
ื
ี
ื
บรมธรรมอันสูงสุด ท่ผู้ปฏิบัติเข้ำถึงได้ ไม่ใช่แค่เข้ำใจ ถึงแม้ไม่รู้ช่อเรียกไม่ถูก
แต่สภำวะเป็นตัวบ่งบอกจวบจนวันหนึ่ง ท่ำนแม่ครูถำมพระอำจำรย์ว่ำ
“ ปฏิบัติแล้วคิดจะสอนคนบ้างไหม”
แม้ในใจพระอำจำรย์ไม่คิดอยำกสอนใคร ไม่คิดอยำกเป็นวิปัสสนำจำรย์
ึ
ื
แต่อีกใจหน่งก็คิดว่ำ หำกสำมำรถบอกหรือแนะน�ำผู้อ่นได้บ้ำง ก็คงจะเป็น
ประโยชน์แก่ผู้สนใจและก�ำลังแสวงหำ ท่ำนแม่ครูถำมต่อว่ำ
“ อยากเรียนวิชาครูไหม”
พระอำจำรย์เห็นเป็นโอกำสอันดีจึงจัดหำดอกไม้ธูปเทียนเพ่อขอเรียน
ื
วิชำคร กำรเรียนวิชำครูพระอำจำรย์เร่มจำกกำรจดจ�ำสภำวะของโยคีแต่ละคน
ู
ิ
แล้วน�ำไปเล่ำให้ท่ำนแม่ครูฟังว่ำคนไหนสภำวะเป็นอย่ำงไร หำกเล่ำไม่ละเอียด
หรือเล่ำข้ำมไปท่ำนแม่ครูก็จะบอกให้เน้นจุดที่ส�ำคัญ ท่ำนแม่ครูมักถำมว่ำ
“ โยคีคนนี้อยู่ญาณไหน”
แต่ท่ำนจะไม่เฉลย ให้พระอำจำรย์กลับไปฟังโยคีใหม่ แล้วพิจำรณำทบทวน
สภำวญำณของโยคีเพื่อมำเล่ำให้ท่ำนฟังในวันถัดมำ
�
ี
นอกจำกพระอำจำรย์จะต้องจดจำสภำวะของโยคแต่ละคนท่สอบอำรมณ์
ี
มำแล้ว ยังต้องบอกให้ได้ว่ำสภำวะใดเป็นบัญญัต สภำวะใดเป็นปรมัตถ์ ท่ำนแม่คร ู
ิ
ให้ควำมส�ำคัญกับกำรเป็นวิปัสสนำจำรย์เป็นอย่ำงมำก คือจะต้องเป็นผู้รู้จริง
ชัดเจน ไม่คลุมเครือ จึงจะสอนผู้อ่นได้ถูกต้อง ท่ำนแม่ครูจึงเน้นให้พระอำจำรย์
ื
พิจำรณำแยกระหว่ำงบัญญัติกับปรมัตถ์ให้ชัด
29