Page 235 - JCI 7th edition - BPK9 hospital
P. 235
มาตรฐานการรับรอง JCI สำหรับโรงพยาบาล ฉบับที่ 7 235
g) คำสั่งใช้ยาพิเศษอื่น ๆ เช่น คำสั่งเพิ่มและลดขนาดยาทีละน้อย (titration and tapering orders) หรือคำสั่ง
ใช้ยาที่เป็นช่วง
โรงพยาบาลมีกระบวนการในการจัดการ
• คำสั่งยาที่ไม่สมบูรณ์ อ่านยาก หรือไม่ชัดเจน (ดู MOI.10 ร่วมด้วย)
• ข้อควรระวังพิเศษสำหรับคำสั่งยาที่เป็นยาชื่อพ้องมองคล้าย (ดู IPSG.3.1 ร่วมด้วย)
• คำสั่งยาชนิดพิเศษ เช่น คำสั่งในกรณีฉุกเฉิน คำสั่งยืน คำสั่งหยุดยาอัตโนมัติที่ต้องมีองค์ประกอบพิเศษเมื่อใช้
รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
คำสั่งดังกล่าว (ดู COP.2.1 ร่วมด้วย)
• การใช้คำสั่งยาทางวาจา หรือ ทางโทรศัพท์ หรือ การส่งข้อความจะต้องมีกระบวนการเพื่อทวนสอบคำสั่งดัง
ใช้อบรมภายใน
กล่าว (จะให้คะแนนใน IPSG.2 และ MOI.12)
ดังนั้นมาตรฐานนี้ควรจะใช้ทั่วทั้งโรงพยาบาลเมื่อมีการสั่งยา ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้จะส่งผลให้คำสั่งยาในเวช
ระเบียนสมบูรณ์ แผนกเภสัชกรรมหรือจุดจ่ายยาได้รับข้อมูลที่มีความจำเป็นในการจ่ายยา และ เช่นเดียวกันกับการ
บริหารยาบนพื้นฐานคำสั่งยาที่สมบูรณ์ (ดู MOI.8 ร่วมด้วย)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ MMU.4.2
❏ 1.โรงพยาบาลกำหนดกระบวนการ ดำเนินการและฝึกอบรมบุคลากร สำหรับการสั่งจ่ายยา คำสั่งใช้ยาและ
การถ่ายทอดคำสั่งยาอย่างปลอดภัยในโรงพยาบาล
❏ 2.คำสั่งยาและใบสั่งยาทั้งหมดระบุชื่อของยา ปริมาณ ความถี่และวิถีทางของการบริหารยา ข้อบ่งชี้สำหรับ
การสั่งยา และปริมาณสูงสุด ห้ามจำหน่าย
❏ 3.คำสั่งยาและใบสั่งยาที่สมบูรณ์ต้องมีองค์ประกอบเพิ่มเติมที่กำหนดอย่างน้อยจาก a) ถึง g) ในเจตจำนง
ตามความเหมาะสมของคำสั่งยา
❏ 4.โรงพยาบาลพัฒนาและดำเนินการตามกระบวนการจัดการกับคำยาที่ไม่สมบูรณ์ อ่านยากและไม่ชัดเจน
รวมถึงมาตรการเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
❏ 5.โรงพยาบาลพัฒนาและดำเนินการตามกระบวนการจัดการกับคำสั่งยาพิเศษ เช่น คำสั่งในกรณีฉุกเฉิน
(Emergency Orders) คำสั่งยืน (Standing Orders) คำสั่งหยุดยาอัตโนมัติ (Automatic Stop Orders)
และคำสั่งพิเศษอื่น ๆ ที่ต้องมีองค์ประกอบพิเศษเมื่อใช้คำสั่งดังกล่าว
❏ 6.การสั่งจ่ายยาหรือคำสั่งใช้ยาถูกบันทึกไว้ในเวชระเบียนของผู้ป่วยแต่ละรายและถูกแทรกเก็บในเวชระเบียน
หลังจากที่ผู้ป่วยจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล (Discharge) หรือโอนย้ายไปโรงพยาบาลอื่น (Transfer)