Page 21 - บทที่ ๑
P. 21
๘
๔. ในด้านฐานะทางสังคมของคณะสงฆ์อานามนิกายนั้น ก็นับได้ว่ามีการยกระดับมากขึ้นสังเกตได้ว่า
วัดญวนในยุคนั้นล้วนแต่ได้รับพระราชทานนามเกือบทั้งหมด และก็เริ่มมีทำเนียบสมณะศักดิ์และพัดยศ
ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่คณะสงฆ์อานามได้รับการพระราชทานสมณศักดิ์อย่างคณะสงฆ์ไทย
จึงนับได้ว่าจากการมีความสัมพันธ์ครั้งนี้ระหว่างคณะสงฆ์ทั้ง ๒ นิกายคือคณะสงฆ์ไทย (รัชกาลที่
๔ ) และคณะสงฆ์อานัม (องฮึง) นี้นับว่าเป็นการเปิดศักราชหน้าใหม่ของวงการคณะสงฆ์อานามนิกายใน
ประเทศไทยอย่างแท้จริง
การเกิดนิกายเป็น ๒ สาย
สายอุปัชฌาย์อนัมนิกายในประเทศไทย แบ่งออกเป็น ๒ สาย ได้แก่
๑. สายลอมเต๊
๒. สายเต่าด็อง
การที่จะศึกษาว่าอุปัชฌาย์สายลอมเต๊มีความเป็นมาอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ศึกษาได้ยากมาก
เพราะเป็นสายที่มีมานานหลายชั่วอายุคน และที่สำคัญคือไม่มีการบันทึกเป็นหนังสือเป็นหลักฐานไว้ให้
ศึกษาเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะทำการศึกษาว่าใครคือต้นเริ่มของอุปัชฌาย์สายลอมเต๊ แต่หาก
ศึกษาจากทำเนียบของสมณะศักดิ์ที่ทรงประทานให้เจ้าคณะใหญ่ในแต่ละยุคแล้วเราก็พอจะอนุมานนาม
ของอุปัชฌาย์ของสายลอมเต๊นั้นก็พอจะอนุมานได้ดั้งนี้ โดยการศึกษาในที่นี้นั้นได้ศึกษาโดยการ
เปรียบเทียบกับอุปัชฌาย์สายเต่าด็องนั้นด้วย ซึ่งจากลำดับของเจ้าคณะใหญ่นั้นที่พอจะอนุมานได้ว่าเป็น
อุปัชฌาย์สายลอมเต๊ดังนี้
๑. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (องฮึง)
๒. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (เหยี่ยวกร่าม)
๓. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (จี๊หล๊อบ)
๔. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (ทันเคี๊ยด)
๕. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (เหมิกโงน – บี๊)
๖. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (เวียงหมาง – มัก)
๗. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (โผซ้าย – ตี๋)
๘. พระครูคณานัมสมณาจารย์ (บิ๊นเรือง – บา)
๙. พระคณานัมสมณาจารย์ (โผเรียน – เป้า)
ซึ่งพระคุณเจ้าที่เป็นเจ้าคณะใหญ่ดังกล่าวทั้ง ๙ รูป เหล่านี้นั้นได้มรณภาพลงหมดทุกรูปแล้ว แต่
เป็นเรื่องยากที่จะทราบว่าท่านเป็นอุปัชฌาย์สายลอมเต๊หรือไม่ แต่ตามหลักฐานนั้นท่านเป็นพระเถระที่