Page 25 - บทที่ ๑
P. 25
๑๒
เครื่องยศที่พระราชทานแก่เจ้าคณะใหญ่อนัมนิกายและรองเจ้าคณะใหญ่เหมือนกัน ต่างกันแค่
พัดยศเท่านั้น เครื่องยศที่พระราชทานมีดังต่อไปนี้
๑. พัดยศ (ตามที่กล่าวข้างต้น)
๒. ไตรแพรล้วนชนิดอานัม
๓. ย่ามโหมดเทศสีแดงมีดอก ซับในแพรแดงมีพู่ไหมข้างละ ๒ พู่
๔. บาตรเหล็กอย่างดีมีฝาเชิงทองเหลืองอย่างปั๊ม ถลกบาตรสายโยกใช้โหมดเทศสีแดงมีดอก มีพู่
ไหมข้างละ ๒ พู่
๕. หมวกพื้นสักหลาดเหลือง มีพระเจ้า ๕ องค์ และท้าวโลกบาล
๖. ญรืออี๋ (แปลว่า สมมโนรถ) ทำด้วยงาทั้งแท่ง
๗. ไม้เท้า (ไม้ขรักขระ) ทำด้วยไม้แดง มียอดทำด้วยทองเหลืองชุบทอง
๘. ระฆังทองเหลือง มีที่ถือสำหรับเขย่าได้ ๓ คู่
ส่วนเครื่องยศสำหรับตำแหน่งปลัดขวาและปลัดซ้ายนั้น มีจำนวนเท่ากันดังกล่าวแล้ว ผิดกันแต่
เพียง พัดยศ ไตร ย่าม บาตร และญรืออี๋ทำด้วยไม้มะริดฝังงา
และเครื่องสำหรับตำแหน่งรองปลัดขวา รองปลัดซ้าย และกลาง ก็มีจำนวนเท่ากัน ผิดกันแต่
พัดยศ ไตร ย่าม บาตร และญรืออี๋ทำด้วยไม้มะริดทั้งอัน
บทสรุป
พระสงฆ์ญวนในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นพระสงฆ์ญวนที่ได้เกิดและบวชเรียนที่ในประเทศไทยเท่านั้น
มีเพียงองฮึง และองเหยี่ยวกร่าม ๒ องค์เท่านั้นที่ได้เดินทางมาจากประเทศเวียดนามโดยตรง ซึ่งการ
เดินทางติดต่อสืบศาสนานั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก กิจวัตร พิธีกรรม สิกขาบท หลายอย่างที่ทำ
แบบอย่างตามเมืองญวนก็ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของสังคมประเทศไทยที่อยู่ต้องเป็นคติกันให้
สอดคล้องกับประเทศไทย พระสงฆ์ไทยต่อไป
รัชกาลที่ ๔ สมัยดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎ ได้ทรงผนวชอยู่นั้น ทรงสนพระทัยใน
การศึกษาลัทธิมหายาน จึงได้ทางคุ้นเคยกับองฮึง วัดตลาดน้อย หลังจากได้ขึ้นครองราชย์ได้ทรงช่วย
บูรณะปฏิสังขรณ์วัด และได้อนุญาตให้เข้าเฝ้าอยู่ในพระราชพิธีต่าง ๆ จึงถือได้ว่า องฮึงเป็นบิดาแห่งการ
เกิดนิกายอนัม ขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นศักราชใหม่ของคณะสงฆ์อนัมนิกาย และในพระราชพิธีต่าง ๆ
พระสงฆ์อนัมนิกายจะได้เข้าเฝ้าโดยตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ เช่น ถวายพระพร ในวัน ๕ ธันวาคม ของทุก
ปี หรือมีการพิธีกรรมทางศาสนาเช่นการถวายสวดกงเต๊ก กับพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทิวงคต หรือ
สิ้นพระชนม์

