Page 29 - บทที่ ๑
P. 29

๑๖



               เกรงว่าจะเกินรับสั่งไป จึงพากันกลับมากราบทูลพระเจ้าอาหยุกเยืองทรงทราบทุกประการ พระเจ้าอาหยุ

               กเยืองได้ฟังดังนั้นจึงทรงพระดำริว่า “พระธาตุมีอยู่น้อย อาณาประชาราฎร์ในชมพูทวีปนี้ก็มากมายหลาย

               โกฎิแสนคน ครั้นจะมอบให้ประเทศดั๊กทีราเกวิ๊กนี้มากกว่าประเทศอื่น ๆ พระบรมธาตุก็จะไม่พอแก่การ

               แบ่งปัน จำเป็นจะต้องเฉลี่ยให้ทั่วถึงกัน” ครั้นทรงพระดำริดังนั้นแล้ว จึงรับสั่งให้ขุนนางนักการกับเทพย

               ดาเจ้าอัญเชิญพระบรมธาตุไปแจกให้นานาประเทศในชมพูทวีป พร้อมทั้งกำหนดนัดสัญญาหมายตาม

               รับสั่งทุกประการ ครั้นถึงวันกำหนดนัดหมายเถื่องตว้ายาช้าพระมหาเถระเจ้าก็สำแดงเดชานุภาพ ยกกร

               ขึ้นบังแสงพระสุริยานานาประเทศซึ่งอยู่ในชมพูทวีปนั้น ครั้นเห็นสัญญาณปรากฎดังนั้นก็พร้อมกัน

               ก่อสร้างพระเจดีย์จนสำเร็จ ตามพระประสงค์ของพระเจ้าอาหยุกเยือง การกระทำกองการกุศลก่อสร้าง

               พระสถูปเจดีย์นี้ เพราะเหตุว่าพระเจ้าอาหยุกเยืองเลื่อมใสศรัทธาสร้างขึ้น เป็นที่สักการะระลึกถึงคุณพระ

               พุทธองค์ศากยมุนีศรีสรรเพชรพระบรมครูเจ้า มีคำปุจฉาถามว่า คุณของบรมครูเจ้ามีอย่างไร ก็มีคำ
               วิสัชนาตอบว่า คุณของสมเด็จพระสมณะโคดมบรมครูเจ้า พระองค์มีคุณแก่เทพยดา มนุษย์และสัตว์


               ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ ๑๐ ประการ ดังนี้
                      ๑. พระองค์ตรัสรู้ จึงได้เป็นที่พึ่งของเทพยดา มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย

                      ๒. พระองค์มิได้คิดเห็นแก่สังขารร่างกาย สู้ทรมานถึง ๖ พรรษา จึงได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ

                          เป็นที่พึ่งแก่เทพยดา และมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง

                      ๓. พระองค์ทรงบำรุงสิ่งที่มีประโยชน์ในปัจจุบันนี้ และอนาคตข้างหน้า ใช่ว่าพระองค์บำรุงทาง

                          มรรคผลนิพพานในส่วนของพระองค์ฝ่ายเดียวนั้นก็หามิได้

                      ๔. พระองค์เมื่อยังทรงสร้างพระบารมีในกัลป์ใดชาติใดก็ดี พระองค์มีแต่ชักจูงให้เทพยดา มนุษย์

                          และอบายทั้ง ๔ ใน ๓ ภพ ๖ ทางนี้ให้รู้จักเจริญศีลภาวนา

                      ๕. พระองค์ตั้งความเพียรติดตามโปรดเวไนยสัตว์ จึงวนเวียนในวัฎฏสงสาร

                      ๖. พระองค์มีความเมตตาแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงยิ่งนัก

                      ๗. ผู้ใดมีปัญญามียุติธรรมแล้ว พระองค์ไม่ต้องสั่งสอนตักเตือน ผู้ใดโฉดเขลาทิฐิสันดานไม่

                          ยุติธรรมแล้ว พระองค์ย่อมสั่งสอนตักเตือนสันดานให้เกิดมีความยุติธรรมขึ้น

                      ๘. สิ่งที่กระจ่างแต่ยังไม่กระจ่างโดยแท้ยังเคลือบแฝงอยู่ พระองค์ชี้แจงให้ทางกระจ่างเจริญขึ้น

                          ดุจดังแก้วเพชรนิลจินดาเจียรนัยให้หมดมลทิน มิให้มัวหมอง

                      ๙. พระองค์เสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานล่วงไปแล้ว ได้เป็นที่ระลึกถึงของเหล่าเทพยดาและมนุษย์

                          ทั้งหลาย

                      ๑๐.  พระองค์ดับขันธ์สู่ปรินิพพานล่วงไปแล้ว ยังอาลัยถึงเทพยดา มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเป็น

                          ที่สุด เพราะเหตุว่าเทพยาและมนุษย์ทั้งหลายจะมีความประมาทพระองค์จึงมีพระธรรม
                          พระสงฆ์ไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อตักเตือนมนุษย์และเทวดาให้สืบพระพุทธศาสนาต่อ ๆ มา
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34