Page 40 - บทที่ ๑
P. 40

๒๗



               ๗.  อานิสงส์ของการทอดกฐิน

                      การทอดกฐิน  ถือเป็นการเพิ่มพูนสนับสนุนพระพุทธศาสนา  สงเคราะห์ภิกษุสงฆ์ด้วยปัจจัยลาภ

               อีกทั้งเปิดโอกาสให้เกิดธรรมมิตรสู่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายที่ได้ทำการทอดกฐินร่วมกัน  ทำให้จิตมุ่งแต่

               สิ่งอันเป็นกุศล  มีความเบิกบานผ่องแผ้ว  เป็นบ่อเกิดของไตรกรรม หรือ       ไตรธรรม  คือ

                      - กุศลกรรม    (กรรมอันเป็นกุศล  ย่อมได้รับผลที่เป็นกุศล)

                      - อโหสิกรรม   (การยกโทษ ให้อภัย และไม่จองเวรซึ่งกันและกัน)

                      - สามัคคีธรรม         (ช่วยให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ)

                      พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญกฐินทานนี้ว่า  เป็นสังฆทาน  คือ  เป็นทานที่มีอานิสงส์มากกว่าทานที่

               ถวายแก่พระองค์เองโดยเฉพาะ


               พิธีบูชาดาวนพเคราะห์


                      ตามเนื้อความในพระคัมภีร์นพเคราะห์ มีคำอรรถกถาว่า เผิกเที๊ยดเทียนกรุงบั๊กโด๋วโก๋เผิกเตียว
               ตายเยียนถ่อเหยี่ยวกิน ซึ่งมีอรรถาธิบายไว้ว่า

               ตำนานของพิธีบูชาดาวนพเคราห์

                      ครั้งหนึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาไว้ว่า “อันเทพเจ้าประจำดวงดาวนพเคราะห์ทั้ง

               ๙ พระองค์ซึ่งเสวยอายุของสัตว์มนุษย์และเราท่านทั้งหลายที่อยู่ในโลกนี้ มีนามว่า กึ๊วว่าง แปลว่า ๙

               พระองค์ เป็นดาวที่มนุษย์ปุถุชนผู้หนึ่งผู้ใดถ้าได้ปฏิบัติทำความเคารพสักการะ และได้นิมนต์ พระพุทธ

               พระธรรม พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ตามพระคัมภีร์นพเคราะห์นี้แล้ว จะเป็นการต่อและเพิ่มอายุให้

               ยืนยาวนาน และเป็นการขอพรเพิ่มเป็นศิริมงคล รวมทั้งปกป้องคุ้มกันภยันตรายให้แก่ตัวเอง พร้อมกัน

               นั้นส่วนของผลานิสงส์ก็จะสนองให้ได้รับความสุข ความเจริญ ทั้งในชาตินี้ และยังผลให้ถึงอนาคตในภาย

               ภาคหน้า มีนิสัยไว้ประจำตัว เพราะจิตมีความเชื่อมั่นและเคารพนับถือ ศีลและทาน ๒ ประการนี้เป็นส่วน

               ให้มนุษย์เราทั้งหลายได้เป็นทุนสำหรับฝังไว้ในจิต เป็นเครื่องให้ความอบอุ่นและสันติสุขตลอดไป”

                      ในครั้งบรรพกาล พระอานนท์ได้เสด็จตามองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

               และได้ทรงประทับยังวิมานนั้น ในสวรรค์ชั้นนั้นพรั่งพร้อมไปด้วยพระอินทร์ พระพรหม เทพยดากับ

               บริวารทั้ง ๘ จำพวกและโลกบาลทั้ง ๔ จำพวก ทั้งหมดได้มาประชุมกันเพื่อที่จะฟังพระพุทธองค์ทรง

               แสดงพระธรรมเทศนา มีพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งคือ องค์หม่านทู้เทิ๊กเหล่ย ได้เห็นนิมิตเกิดขึ้น และได้

               ทูลถามพระองค์ว่า “ข้าแต่องค์พระชินสีห์ ข้าพระพุทธเจ้าได้พิจารณาเห็นว่า มนุษย์ทั้งหลายที่เกิดในชมพู

               ทวีปนั้น ตั้งแต่เจ้าพระยามหากษัตริย์ ตลอดจนถึงเวไนยสัตว์ทั้งหลายต้องตกอยู่ในอำนาจของดาวนพ

               เคราะห์ทั้ง ๙ พระองค์ เพราะท่านเป็นเจ้าปกครองหมดทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าดาวนพเคราะห์นั้น มีอำนาจ
               บารมีส่องทั่วถึงสรรพสัตว์ที่เกิดอยู่ในโลกเป็นที่พึ่งแก่สัตว์ทั้งหลายที่มาจุติเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและ
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45