Page 8 - สมัยประชาธิปไตย
P. 8

ประวัติศาสตร์   ม. ๓    หน่วยการเรียนที่    ๔       ประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย                             ๗


               เป็นนักกีฬาให้การศึกษาทั้งสายสามัญและวิสามัญ เพื่อประกอบอาชีพให้เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง

               ด้านสามัญศึกษา ประกอบด้วย ชั้นประถม ๑-๔ ชั้นมัธยม ๑-๔ และมัธยม ๕-๘ด้านวิสามัญ จัดสอนวิชาชีพ เช่น กสิ
               กรรม หัตถกรรม และพาณิชยกรรม

               ด้านวรรณคดีและวรรณกรรม
               พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ( พ.ศ. ๒๔๑๙ – พ.ศ. ๒๔๘๗ ) มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ – ๘)

               ประสูติเมื่อ ๑๐ มกราคม ๒๔๑๙ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส ใช้นามปากกาว่า น.ม.ส. มาจากค าท้าย

               ของ “รัชนีแจ่มจรัส” เริ่มการศึกษา ในโรงเรียนพระต าหนักสวนกุหลาบ จนอายุ ๑๗ ปีเข้ารับราชการ ถึง พ.ศ. ๒๔๔๐
               ได้ศึกษาวิชาพื้นฐานต่อที่ยุโรป

               เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ( สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา พ.ศ. ๒๔๑๙ – ๒๔๘๖ )
               เป็นบุตรของพระยาไชยสุรินทร์ ( เจียม เทพหัสดิน ณ อยุธยา ) เกิดเมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๙ เริ่มการศึกษาที่

               โรงเรียนบพิตรภิมุข แล้วย้ายไปต่อที่โรงเรียนพระต าหนักสวนกุหลาบ โรงเรียนสุนันทาลัย โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ แล้ว

               รับราชการครู จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๙ ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ กลับมารับราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ ๙
               มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๑ นาน ๒๖ ปี ต่อมาได้เป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น

               เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ถึงแก่อนิจกรรม ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๖

               ผลงานของท่าน ในนามปากกา ครูเทพ อาทิ บทเพลงกราวกีฬา โคลงกลอนครูเทพ จันทรชิต แม้เมฆด ายังแรขอบน้ า
               เงิน ยิหวาวิทยุ มีบทละครพูด ๔ เรื่อง คือ บ๋อยใหม่ แม่ศรีครัว หมั้นไว้ ตาเงาะ และเรื่องสั้นอีกมายมาย

               พระยาศรีสุนทรโวหาร ( ผัน สาลักษณ์ พ.ศ. ๒๔๒๔ – พ.ศ. ๒๔๖๖ )
               เกิด ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๔ เป็นบุตรของพระยาศรีภูริปรีชา (กมล) สมุหพระอาลักษณ์ พระยาศรีสุนทรโวหาร เริ่ม

               ศึกษา ในโรงเรียนพระต าหนักสวนกุหลาบ แล้วบวชอยู่ ณ วัดบวรนิเวศ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๘ ได้ลาสิขาบทเมื่อ พ.ศ.

               ๒๔๔๓ เข้าท างานเป็นเสมียนเอกในกรมราชเลขานุการ และย้ายไปรับราชการเป็นนายอ าเภอ ต่อมากลับเข้าท างานใน
               กรมอาลักษณ์ จนได้เป็นเจ้ากรมพระอาลักษณ์ ใน พ.ศ. ๒๔๕๙ งานนิพนธ์ที่ส าคัญคือ อิลราชค าฉันท์

               นายชิต บุรทัต ( พ.ศ. ๒๔๓๕ – พ.ศ. ๒๔๘๕ )
               ผลงานชิ้นเอกคือ สามัคคีเภทค าฉันท์

               พระยาอุปกิตศิลปะสาร ( นิ่ม กาญจนาชีวะ ( พ.ศ. ๒๔๒๒ – พ.ศ. ๒๔๘๔ ) เจ้าของนามปากกา อ.น.ก. ( อ = อุปกิต

               ศิลปสาร , น = นิ่ม , ก = กาญจนาชีวะ) พระยาอุปกิตศิลปะสาร เกิดเมื่อ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๒ ถึงแก่กรรม
               เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม พ .ศ. ๒๔๘๔ วรรณกรรมของท่าน มีมากมายมีทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และความเรียงแบบ

               ร้อยแก้ว วรรณกรรมที่ส าคัญเรื่องหนึ่ง คือ สงครามภารตค ากลอน แต่งเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ (สมัยรัชกาลที่ ๗)

               พระสารประเสริฐ ( ตรี นาคะประทีป พ.ศ. ๒๔๓๒ – พ.ศ. ๒๔๘๘ )
               พระสารประเสริฐ เกิดเมื่อ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๒ เริ่มศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบ อายุ ๑๗ ปีได้บรรพชาเป็น

               สามเณร ศึกษาเล่าเรียน จนได้รับรางวัลจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ผลงานการประพันธ์ ส่วนมากเขียนร่วมกับ

                                                                                      ผู้สอน ครูจิราพร  พิมพ์วิชัย
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13