Page 30 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 30
ประวัติศาสตร์จานเดียว
น่าเสียดายที่พระเจ้าทาโดมินพญาครองบัลลังก์ได้เพียง ๔ ปี ก็
เสด็จสวรรคต แต่เนื่องจากพระองค์ไม่มีรัชทายาท บรรดาเสนาบดีทั้งหลาย
จึงพากันเชิญเจ้านายฝ่ายไทยใหญ่พระองค์หนึ่งขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนาม
พระเจ้าสวาสอแก พระองค์พยายามดำาเนินตามนโยบายรวมประเทศของ
พระเจ้าทาโดมินพญา แต่ติดอุปสรรคคือพวกไทยใหญ่ที่ยังเข้มแข็งอยู่ทาง
เหนือ ส่วนทางใต้ก็มีเมืองพะโค หรือ หงสาวดี ซึ่งเป็นของพวกมอญขวาง
ทางอยู่
แต่เมื่อไตร่ตรองแล้วพระองค์ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ โดย
ดำาเนินการทางการทูตเพื่อสมานฉันท์กับหงสาวดี ซึ่งในตอนนั้นอยู่ในรัชสมัย
ของ พระเจ้าพินยาอู่ หรือที่ในหนังสือ ราชาธิราช ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง
(หน) เรียก พระเจ้าอู่ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีจับมือกันเป็นมิตรประเทศ หลัง
จากนั้นสถานะของพระเจ้าสวาสอแกก็เริ่มมั่นคงและได้รับการยอมรับมาก
ขึ้น ถึงขนาดที่เมืองยะไข่ได้ส่งราชทูตมาทูลขอให้พระราชวงศ์พระองค์ใด
พระองค์หนึ่งไปครองเมืองหลังจากที่เจ้าเมืองยะไข่สวรรคต นับเป็นการยอม
ศิโรราบแบบสมยอม ทำาให้พระองค์คลายกังวลเรื่องชายแดนฝั่งใต้และตะวัน
ตก
ขณะเดียวกันก็ยังรับคณะทูตจากเชียงใหม่เพื่อสร้างความสัมพันธ์
อันดีกับดินแดนฝั่งตะวันออก แล้วคอยสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของ
หัวเมืองทางเหนือซึ่งขณะนั้นมองโกลเริ่มเสื่อมอำานาจลงเรื่อยๆ จากการ
ทำาสงครามกับราชวงศ์หมิงในมณฑลยูนาน โดยภาพรวมแล้วนับว่าอังวะมี
อำานาจมากทีเดียวในยุคของพระเจ้าสวาสอแก
ภายในนครอังวะเองนั้นก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หลังจาก
ที่พุกามแตกแล้วก็มีเมืองต่างๆ ขึ้นมากุมอำานาจเอาไว้แต่ก็เพียงระยะสั้นๆ
ต่างจากเมืองอังวะที่เริ่มต้นโดยพระเจ้าทาโดมินพญา แล้วมารุ่งเรืองเอาใน
สมัยพระเจ้าสวาสอแก พระองค์ครองอำานาจอยู่นานถึง ๓๓ ปี ในช่วงนี้ได้
๒๒