Page 33 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 33
ประวัติศาสตร์จานเดียว
ฝีมือเอาไว้เป็นบริวาร ด้วยความเอาไหนเอาด้วยและรักลูกน้อง ทำาให้ใครๆ
ต่างก็พอใจที่จะมาเข้าเป็นพวกด้วย พอสิ้นบุญพระเจ้าอู่ก็เกิดเรื่องขึ้นภายใน
ราชสำานัก เมื่อพระเจ้าป้าคือพระมหาเทวีเกิดคิดอยากจะรวบเอาราชสมบัติ
ยกให้กับชายชู้ของตนคือ สมิงราหู จึงเกิดการชิงราชสมบัติกันพอหอมปาก
หอมคอ สุดท้ายพระยาน้อยเป็นฝ่ายมีชัย ขึ้นเป็นพระเจ้าราชาธิราชครอง
บัลลังก์แห่งกรุงหงสาวดี
มีเกร็ดเล่าถึงความห้าวของพระยาน้อยสมัยยังหนุ่มซึ่งเป็นรอยด่าง
พร้อยของพระองค์ตลอดพระชนม์ชีพ คือกรณีที่ไปชิงเอาเมียชาวบ้านเขามา
เป็นของตัวเอง ท่านอาจจะเคยได้ยินสำานวน พระยาน้อยชมตลาด ที่กรม
ศิลปากรเขาเคยเอามาดัดแปลงเป็นละครเล่นกันอยู่ออกบ่อย เรื่องมันเกิด
ตอนที่พระยาน้อยกำาลังอยู่ในวัยหนุ่มเต็มที่ วันหนึ่งก็พาพรรคพวกไปเดินชม
ตลาด ก็บังเอิญไปปิ๊งสาวขายแป้งน้ำามันชื่อนาง เม้ยมะนิก แม่ค้าคนสวยคน
นี้เป็นที่เลื่องลือ หนุ่มๆ มักจะแวะมาซื้อแป้งน้ำามันของนางเพียงเพราะอยาก
จะมาชมโฉม ทั้งสองคนสบตากันครั้งแรกไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นทันที ติดตรงที่นาง
เม้ยมะนิกก็มีสามีอยู่แล้ว ฝ่ายพระยาน้อยก็มี ตะละแม่ท้าว อยู่แล้วเหมือน
กัน แต่ไฟราคะมันลุกโชนห้ามกันไม่ได้ ไม่รู้ว่าชะตาของสามีนางเม้ยมะนิก
จบลงตรงไหน จำาได้เลาๆ ว่าพ่อคุณแจ้นไปฟ้องพระมหาเทวีว่าคุณหลาน
ตัวดีของท่านมาชิงเอาเมียของกระผมไปเสียแล้ว เดาเอาว่าวอนหาเรื่องแบบ
นี้คงจบไม่สวยแน่ๆ แต่ที่แน่กว่าคือนางเม้ยมะนิกก็กลายเป็นเบอร์สองของ
พระยาน้อย และก้าวขึ้นมาเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเมื่อพระองค์ขึ้นเป็น
พระเจ้าราชาธิราชแล้ว
เขาก็เลยมีสำานวน พระยาน้อยชมตลาด ไม่ได้หมายความว่าเดิน
ตลาดแล้วไปฉุดเอาแม่ค้ามาทำาเมีย แต่เขากึ่งประชดในความหมายที่ว่า เดิน
นวยนาดอ้อยอิ่ง เดินลอยชายไปเรื่อยอย่างไม่ค่อยมีจุดหมายเท่าไหร่ เวลา
เจอใครเดินขวางทางเกะกะทำานองนี้ก็มักจะประชดให้ว่า เดินราวกับพระยา
๒๕