Page 32 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 32
ประวัติศาสตร์จานเดียว
อะไร แต่ว่ามีปัญญาและคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
มะกะโท เดินทางเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารใน สมเด็จพระร่วง
เจ้า หรือ พ่อขุนรามคำาแหงมหาราช แห่งอาณาจักรสุโขทัย มะกะโทเติบโต
ก้าวหน้าขึ้นพรวดๆ ด้วยสติปัญญาและความขยันขันแข็งจนหน้าที่การงาน
ก้าวกระโดดได้เป็นถึงขุนวัง เรื่องเล่าของมะกะโทนั้นสนุกสนานมากทีเดียว
ท่านที่สนใจต้องไปลองหามาอ่านให้ได้ ที่ไม่เล่าเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเล่า
เรื่องหนังสือราชาธิราชไปเสีย
ต่อมาขุนวังมะกะโทเกิดไปลักลอบได้เสียกับพระราชธิดาของ
พระร่วงเจ้าแล้วกลัวความผิด จึงพากันหนีออกจากกรุงสุโขทัยไปปักหลัก
กันที่เมืองเมาะตะมะ เมื่อพระร่วงเจ้าทราบเรื่องเข้าแทนที่จะทรงกริ้ว กลับ
เข้าอกเข้าใจหัวอกหนุ่มสาว เมื่อมะกะโทหนีไปนั้นได้เขียนหนังสือของ
พระราชทานอภัยโทษทิ้งไว้ พระองค์ทรงเอ็นดูหนุ่มมะกะโทผู้นี้มาแต่เดิมจึง
ไม่ได้คิดเอาผิด ภายหลังเมื่อมะกะโทสามารถตั้งตัวเป็นใหญ่จนได้ครองเมือง
พะโคแล้วก็ส่งราชทูตนำาเครื่องราชบรรณาการมาถวายยังอาณาจักรสุโขทัย
แสดงความอ่อนน้อมเหมือนแต่หนหลัง พระองค์จึงพระราชทานนามให้ว่า
พระเจ้าฟ้ารั่ว หรือ พระเจ้าวาเรรุ ตามที่มาที่เป็นนิมิตปาฏิหารย์
ดังนั้น เมืองพะโค (หรือหงสาวดี) กับอาณาจักรสุโขทัยจึงเป็นไมตรี
ต่อกันด้วยความสัมพันธ์แต่เดิมของกษัตริย์ทั้งสองแผ่นดิน แต่ความสัมพันธ์
นี้ก็อยู่เพียงไม่กี่ชั่วอายุคน เพราะหลังจากสิ้นบุญพระเจ้าฟ้ารั่ว ไมตรีของทั้ง
สองฝ่ายก็เริ่มห่างกันไปทุกทีๆ หลังจากสถาปนาราชวงศ์ มีกษัตริย์ปกครอง
สืบทอดมาอีก ๖ พระองค์ จนมาถึงรัชสมัย พระเจ้าอู่ จึงเกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น
พระเจ้าอู่นั้นมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งคือ พระยาน้อย หรือ มังสุ
ระมณีจักร ซึ่งไม่ได้เป็นรัชทายาทหรอกนะครับ เพราะพระราชบิดาไม่ทรง
โปรด แต่พระยาน้อยมีความสามารถและมีบารมี ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงเรียกว่า
เป็นขาใหญ่ตั้งแต่ยังหนุ่ม ใจกว้าง ถึงไหนถึงกัน และก็ชอบแสวงหาคนดีมี
๒๔