Page 39 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 39

ประวัติศาสตร์จานเดียว




            สาวดี  โดยมีพระภิกษุสองรูปเป็นไส้ศึกช่วยพาพระนางหนีออกจากกรุงอังวะ
            เมื่อถึงหงสาวดี  พระนางได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี  และแม้ว่าพระนางจะ
            พอมีบารมีและอิทธิพลอยู่บ้าง  แต่ก็มิได้แสดงออกถึงความทะเยอทะยานใน

            ราชสมบัติแต่ประการใด  หนำาซ้ำายังคอยเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยให้กับเชื้อพระวงศ์
            ทั้งหลาย  นั่นยิ่งทำาให้พระนางได้รับความเคารพยำาเกรงทั้งในราชสำานักและ
            กับราษฎรทั่วไป
                    ที่เขาว่านิ่งเสียตำาลึงทองนี่น่าจะจริง  สุดท้ายแล้วเมื่อบัลลังก์ว่างลง

            เหล่าเสนาบดีก็ทูลเชิญพระนางชินสอบูขึ้นครองกรุงหงสาวดี เป็นสมเด็จพระ
            ราชินีนาถ เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๙๖
                    พระนางชินสอบูฝักใฝ่ในทางธรรมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  สิ่งที่พระนาง
            ปรารถนาหาใช่อาณาจักรที่กว้างใหญ่  แต่พระนางต้องการให้หงสาวดีเป็น

            ศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาและการค้าเหมือนอย่างพุกาม  ด้วยความที่
            พระนางเคยประทับที่กรุงอังวะมานานจึงพยายามให้ความช่วยเหลือเสมอ
            ในช่วงที่กรุงอังวะประสบปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของศาสนา เมื่อเกิดความ
            ขัดแย้งกันในหมู่สงฆ์ระหว่างฝ่ายเถรวาทและฝ่ายอรัญวาสี  อีกทั้งความเชื่อ

            ในเรื่องไสยศาสตร์ที่กลับมามีอิทธิพลอย่างมากในหมู่ราษฎร
                    ในด้านการปกครอง  หงสาวดีในยุคของพระนางนับว่าสงบร่มเย็น
            ทำาให้การค้าขายเจริญก้าวหน้า หงสาวดีทำาการค้าขายกับฝั่งไทย (อาณาจักร
            สุโขทัย) พวกมุสลิมทางตะวันออกเฉียงใต้ ยะไข่ พะสิม ทำาให้ชาวมอญร่ำารวย

            หน้าตาแจ่มใสเบ่งบานเลยทีเดียว
                    เมื่อมีทรัพย์มากขึ้น พระนางจึงทุ่มเทไปกับกิจกรรมทางศาสนา ทรง
            ส่งสมณทูตไปยังกรุงลังกา สมทบทุนสร้างพระเจดีย์ชเวดากองเพิ่มเติม ถวาย
            ทองคำาปิดองค์พระเจดีย์เป็นจำานวนมาก  เรียกได้ว่าพุทธศาสนาในสมัยของ

            พระนางนั้นรุ่งเรืองสุดๆ
                    ถัดจากรัชสมัยของพระนาง  หงสาวดีปกครองโดย  พระเจ้าธรรม



                                                                        ๓๑
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44