Page 9 - กฏหมายในชีวิตประจำวัน
P. 9
9
1.1.4 กฎหมายอาญากับกฎหมายแพ่ง
มีความต่างกันในสาระสําคัญดังต่อไปนี้
(1) แตกต่างกันด้วยลักษณะแห่งกฎหมาย กฎหมายแพ่งเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยสิทธิหน้าที่
และความสัมพันธ์ระหว่างเอชนกับเอกชนอาทิเช่น สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาที่มีต่อบุตรการสมรส
การหย่า มรดก ภูมิลําเนาของบุคคล ส่วนกฎหมายอาญานั้นเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง
รัฐกับเอกชนโดยเอกชนมีหน้าที่ต้องเคารพต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งกําหนดให้การกระทําอันใดก็ตาม
เป็นความผิดถ้าหากฝ่าฝืนโดยปกติต้องมีโทษ ตัวอย่างเช่น ความผิดฐานลักทรัพย์ ฐานปล้นทรัพย์ ฐาน
ยักยอก และฐานหมิ่นประมาท เป็นอาทิ
(2) แตกต่างกันด้วยวัตถุประสงค์ของกฎหมาย กฎหมายแพ่งมีวัตถุประสงค์ในอันที่จะอํานวยและ
รักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกันแม้บางกรณีรัฐจะเข้าไปเป็น
คู่กรณีในทางแพ่งก็ตามรัฐอยู่ในฐานะเป็นเอกชนมีสิทธิหน้าที่อย่างเดียวกับเอกชนอื่นๆทุกประการส่วน
กฎหมายอาญานั้นมีเจตารมย์ในทางรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองมุ่งประสงค์คุ้มครองให้ความ
ปลอดภัยแก่สังคมเมื่อบุคคลใดละเมิดบทบัญญัติแห่งกฎหมายอาญากฎหมายถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย
โดยตรง จริงอยู่ที่ตามระบบกฎหมายอาญาของไทยเรานั้น เอกชนผู้ถูกล่วงละเมิดสิทธิก็ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
ฟ้องร้องให้ศาลลงโทษผู้ล่วงละเมิดตนได้ดุจกัน แต่สิทธิของเอกชนดังกล่าว ต้องถือว่าเป็นเพียงข้อยกเว้น
ของหลักกฎหมายที่ว่ารัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้น
(3) แตกต่างกันด้วยการตีความ ในกฎหมายแพ่งนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4
บัญญัติว่าการตีความกฎหมายย่อมต้องตีความตามตัวอักษร หรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัติแห่ง
กฎหมายถ้าหากไม่มีบทกฎหมายที่จะยกขึ้นปรับแก่คดีได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น
ส่วนในกฎหมายอาญานั้นจะตีความอย่างกฎหมายแพ่งไม่ได้ หากแต่ต้องตีความโดยเคร่งครัดจะ
ถือว่าบุคคลใดมีความผิดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ต้องตีความตามตัวอักษรที่ปรากฏในบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายนั้นๆ โดยตรงจะมีการขยายความในบทบัญญัติแห่งกฎหมายออกไปให้ครอบคลุมไปถึงการ
กระทําอื่นๆ อันใกล้เคียงกับการกระทําที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดมิได้
(4) แตกต่างกันด้วยสภาพบังคับ ในกฎหมายแพ่งนั้น มีสภาพบังคับประเภทหนึ่ง กล่าวคือถ้าหากมี
การล่วงละเมิดกฎหมายแพ่ง บุคคลผู้ล่วงละเมิดไม่ปฏิบัติตามคําพิพากษาของศาล ก็อาจจะถูกยึดทรัพย์
มาขายทอดตลาดเอาเงินที่ขายได้มาชําระหนี้ตามคําพิพากษาของศาล หรือมิฉะนั้นอาจถูกกักขังจนกว่าจะ
ปฏิบัติตามคําพิพากษาของศาลก็ได้ ส่วนในกฎหมายอาญานั้นมีสภาพบังคับอีกประเภทหนึ่ง คือ โทษทาง
อาญาซึ่งกฎหมายได้บัญญัติไว้สําหรับความผิด ซึ่งโทษดังกล่าวมีอยู่ 5 สถานด้วยกัน คือ โทษประหารชีวิต
จําคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน