Page 32 - กฎหมายในชีวิตประจำวัน
P. 32
32
กฎหมายแพ่ง
1. การใช้การตีความกฎหมายและบททั่วไป
1.วิชานิติศาสตร์เป็นวิชาที่มีหลักเกณฑ์พื้นฐานหลายประการ ที่ผู้ศึกษากฎหมายจําเป็นต้องศึกษา
หลักเกณฑ์พื้นฐานทางความคิดเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยทําให้การศึกษากฎหมายเป็นไปอย่างมีหลักเกณฑ์ และมี
ความคิดที่เป็นระบบ
2. การศึกษากฎหมายก็เพื่อใช้กฎหมาย และในการใช้กฎหมายนั้นก็จําเป็นจะต้องมีการตีความกฎหมาย
โดยผู้ที่ใช้กฎหมายด้วย
3. หลักเกณฑ์ที่สําคัญประการหนึ่งของกฎหมายก็คือกฎหมายจะกําหนดสิทธิและหน้าที่ของบุคคล และ
บุคคลผู้มีสิทธินั้นก็ต้องใช้สิทธิให้ถูกต้อง
4. ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 หลักทั่วไป ได้บัญญัติบทเบ็ดเสร็จทั่วไป ซึ่งเป็น
หลักเกณฑ์ทั่วไปที่อาจนําไปใช้กับกรณีต่างๆ ไว้ในลักษณะ
1.1 การใช้และการตีความกฎหมาย
1. การใช้กฎหมายมีความหมาย 2 ประการ คือ การบัญญัติกฎหมายตามที่กฎหมายแม่บทให้อํานาจไว้
ประการหนึ่ง และการใช้กฎหมายกับข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง
2. การใช้กฎหมายกับข้อเท็จจริงนั้นผู้เกี่ยวข้อง และได้รับผลจากกฎหมายก็อยู่ในฐานะที่เป็นผู้ใช้กฎหมาย
ทั้งสิ้น
3. การใช้กฎหมายกับข้อเท็จจริงยังอาจแบ่งเป็นการใช้โดยตรงและโดยเทียบเคียง
4. การตีความกฎหมายของกฎหมายแต่ละระบบ หรือแต่ละประเทศก็มีการตีความที่แตกต่างกัน และ
กฎหมายแต่ละประเภทกันก็ยังมีหลักเกณฑ์ในการตีความที่แตกต่างกัน
5. กฎหมายที่ใช้อยู่อาจมีช่องว่างในการใช้กฎหมายเกิดขึ้น จึงต้องมีการอุดช่องว่างของกฎหมาย ซึ่ง
กฎหมายนั้นอาจกําหนดวิธีการไว้หรือบทกฎหมายมิได้กําหนดวิธีการไว้ ก็ต้องเป็นไปตามหลักทั่วไป
1.1.1 การใช้กฎหมาย
การใช้กฎหมายมี 2 ประเภท คือ การใช้กฎหมายโดยตรงและ การใช้กฎหมายโดยเทียบเคียง
การใช้กฎหมายกับข้อเท็จจริงโดยตรงกับการใช้โดยเทียบเคียงเกิดขึ้นพร้อมกันได้ การใช้กฎหมายโดยตรง
ต้องเริ่มจากตัวบทกฎหมายก่อน โดยการศึกษากฎหมายในเรื่องนั้นๆ เพื่อให้รู้ถึงความหมายหรือเจตนารมย์
ของกฎหมายก่อน แล้วจึงมาพิจารณาว่าตัวบทกฎหมายนั้นสามารถปรับใช้กับข้อเท็จจริงได้หรือไม่ การใช้
กฎหมายโดยการเทียบเคียง กฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแม้พยายามให้รอบคอบเพียงใด
บ่อยครั้งพบว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่บัญญัติไว้โดยตรงที่สามารถยกมาปรับ
แก่คดีได้ จําเป็นต้องหากฎหมายมาใช้ปรับแก่คดีให้ได้ โดยพยายามหากฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งที่พอจะ
ใช้ปรับแก่ข้อเท็จจริงนั้นๆ