Page 2 - Microsoft Word - AS 05_ch1
P. 2

2



                    เนื้อหาสาระของการอบรม ซึ่งผู้อบรมส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานกลาง เป็นผู้กําหนดเรื่องที่จะอบรม บางครั้ง

                    เรื่องที่อบรมห่างไกลจากเหตุการณ์ความเป็นจริงของห้องเรียนและการอบรมมีผลกระทบต่อนักเรียน
                    เพราะครูต้องทิ้งห้องเรียนมาเข้ารับการอบรม หลังการอบรม ขาดการติดตามประเมินผลการนําความรู้

                    ที่ได้จากการอบรมไปใช้ ผู้เข้ารับการอบรมจะมีความสนใจมากหากเรื่องอบรมมีความเกี่ยวข้องกับ
                    การเพิ่มวิทยฐานะของตน บางครั้งการอบรมจึงมุ่งประโยชน์ของครูมากกว่า การนําผลการอบรมมาใช้
                    แก้ปัญหาการเรียนการสอน รวมทั้งสภาพการพัฒนาครูส่วนใหญ่ ใช้วิธีการอบรมซึ่งไม่ตรงกับความต้องการ

                    ของครู เน้นหลักการหรือทฤษฎีมากกว่าการได้ลงมือปฏิบัติจริง จึงไม่สามารถประยุกต์ใช้ความรู้จาก
                    การอบรมได้ ขาดการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบได้ว่า หลังการอบรมครูไม่ค่อยได้นําความรู้จาก

                    การอบรมมาใช้หรือขยายผลและรูปแบบการพัฒนาครูก่อให้เกิดผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน
                    เพราะครูต้องไปอบรมนอกสถานศึกษา ทําให้ครูต้องทิ้งการสอน สอดคล้องกับ ดร.ไกรยส ภัทราวาท

                    ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษา จากสํานักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน
                    ได้กล่าวถึงการสํารวจภายนอกชั้นเรียนที่กระทบต่อการจัดการเรียนการสอนของครูว่า การสํารวจดังกล่าว

                    เป็นการสะท้อนสถานการณ์การทํางานของครูภายใต้ระบบการศึกษาไทยปัจจุบัน โดยสํารวจครูผู้ได้รับ
                    รางวัลครูสอนดีจาก สสค. ที่มีอายุเฉลี่ยและวิทยะฐานะสูงกว่าครูทั่วไปกระจายตัวครอบคลุมโรงเรียน
                    ทุกสังกัดทั่วประเทศ จํานวน 427 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 กันยายน ถึง 15 ตุลาคม 2557 พบว่า

                    ใน 1 ปี มีจํานวนวันเปิดเรียนทั้งหมด 200 วัน ครูต้องใช้เวลากับกิจกรรมภายนอกชั้นเรียนที่ไม่ใช่การจัด
                    การเรียนการสอนเฉพาะวันธรรมดาถึง 84 วัน หรือ คิดเป็น 42% (ไกรยส, 2560)

                         อีกทั้งในสภาพปัจจุบันการพัฒนาศักยภาพตนเองทั้งในส่วนของความรู้ความสามารถ ทักษะ
                    และความชํานาญต่าง ๆ สําหรับผู้ปฏิบัติการอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ เป็นเรื่องที่มีความจําเป็นที่จะต้องทํากัน

                    อย่างต่อเนื่อง การที่จะได้ซึ่งสิ่งเหล่านั้นสามารถแสวงหาได้หลายรูปแบบ และการฝึกอบรมโดยอาศัย
                    สื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้อบรมสามารถเรียนรู้ศึกษาด้วยตนเอง

                    ได้ตลอดเวลาตามที่ตัวเองต้องการ ซึ่งหน่วยงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นของภาครัฐหรือ
                    ภาคเอกชน ยังคงมีบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบสําคัญยิ่ง ในด้านการฝึกอบรมแก่บุคลากรใน
                    หน่วยงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการปฏิบัติงาน เช่น การใช้เครื่องจักรสําหรับการผลิต

                    เป็นต้น ดังนั้นจึงมีการนําคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Aided Learning : CAL) และ/หรือ
                    อีเทรนนิ่ง (e-Training) มาประยุกต์ใช้จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่ง เพื่อบรรเทาปัญหา และลดระยะเวลา

                    ในการฝึกอบรมได้ถึงประมาณ 60% หรืออัตราส่วน 2.5 : 1 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างจํานวนชั่วโมง
                    ของการฝึกอบรมในชั้นเรียนกับอีเทรนนิ่ง นอกจากนี้ อีเทรนนิ่งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน

                    ได้ถึง 51% และจากการศึกษาข้อมูล และผลการวิจัยของสถาบันฝึกอบรมและพัฒนาแห่งประเทศ
                    สหรัฐอเมริกา (American Society of Training and Development : ASTD) ได้ทําการเทียบเคียง

                    (Benchmarking) และวิเคราะห์หน่วยงานต่าง ๆ ที่ดําเนินการ ธุรกิจบริการฝึกอบรมด้วยอีเทรนนิ่ง
                    มากกว่า 105 บริษัท จากจํานวนทั้งหมดทั่วประเทศ พบว่า ธุรกิจอีเทรนนิ่งมีแนวโน้มในการขยายตัว
   1   2   3   4   5   6   7