Page 68 - พท21001
P. 68

59


                           9.3  แบบอุปมา  หรือที่เรียกวาอุปมาโวหาร คือ โวหารที่ยกเอาขอความมาเปรียบเทียบ
                  เพื่อประกอบความใหเดนชัดขึ้น  ในกรณีที่หาถอยคํามาอธิบายใหเขาใจไดยาก เชน เรื่องที่เปนนามธรรม

                  ทั้งหลาย การจะทําใหผูอานเขาใจเดนชัด ควรนําสิ่งที่มีตัวตนหรือสิ่งที่คิดวาผูอานเคยพบมาเปรียบเทียบ
                  หรืออาจนํากิริยาอาการของสิ่งตาง ๆ มาเปรียบเทียบก็ได  เชน เย็นเหมือนน้ําแข็ง  ขาวเหมือนดั่งสําลี

                  ไวเหมือนลิง  บางทีอาจนําความรูสึกที่สัมผัสไดทางกายมาเปรียบเทียบเปนความรูสึกทางใจ    เชน

                  รอนใจดังไฟเผา  รักเหมือนแกวตา  เปนตน  โวหารแบบนี้มักใชแทรกอยูในโวหารแบบอื่น  ตัวอยาง
                  อุปมาโวหาร เชน ความสวยเหมือนดอกไม เมื่อถึงเวลาจะรวงโรยตามอายุขัย  แตความดีเหมือนแผนดิน

                  ตราบใดที่โลกดํารงอยู ผืนดินจะไมมีวันสูญหายไดเลย  ความดีจึงเปนของคูโลก และถาวรกวาความสวย

                  ควรหรือไมถาเราจะหันมาเทิดทูนความดีมากกวาความสวย เราจะไดทําแตสิ่งที่ถูกเสียที
                           9.4  แบบสาธก หรือสาธกโวหาร สาธก หมายถึง ยกตัวอยางมาอางใหเห็น สาธกโวหาร

                  จึงหมายถึงโวหารที่ยกตัวอยางมาประกอบอาง เพื่อใหผูอานเขาใจเรื่องไดชัดเจนขึ้น ตัวอยางที่ยกมา

                  อาจจะเปนตัวอยางบุคคล เหตุการณหรือนิทาน  โวหารแบบนี้มักแทรกอยูโวหารแบบอื่น เชนเดียวกับ
                  อุปมาโวหาร ตัวอยาง สาธกโวหาร เชน

                           “....พึงสังเกตการบูชาในทางที่ผิดใหเกิดโทษ ดังตอไปนี้
                           ในสํานักอาจารยทิศาปาโมกข เมืองตักศิลา มีเด็กวัยรุนเปนลูกศิษยอยูหลายคน เรียนวิชา

                  ตางกันตามแตเขาถนัด    มีเด็กวัยรุนคนหนึ่งชื่อ  สัญชีวะ  อยูในหมูนั้นเรียนเวทยมนตเสกสัตวตาย
                  ใหฟนคืนชีพไดตามธรรมเนียมการเรียนเวทยมนตตองเรียนผูกและเรียนแกไปดวยกัน แตเขาไมไดเรียน

                  มนตแก”

                           มาวันหนึ่ง  สัญชีวะกับเพื่อนหลายคนพากันเขาปาหาฟนตามเคย ไดพบเสือโครงตัวหนึ่ง
                  นอนตายอยู “นี่แนะเพื่อน เสือตาย” สัญชีวะเอยขึ้น “ขาจะเสกมนตใหเสือตัวนี้ฟนคืนชีพขึ้นคอยดูนะ

                  เพื่อน” “แนเทียวหรือ” เพื่อนคนหนึ่งพูด “ลองปลุกมันใหคืนชีพลุกขึ้นดูซิ  ถาเธอสามารถ” แลวเพื่อน ๆ

                  คน อื่น ๆ ปนขึ้นตนไมคอยดู “แนซีนา” สัญชีวะยืนยัน แลวเริ่มรายมนตเสกลงที่รางเสือ
                  พอเจาเสือฟนคืนชีพขึ้นยืนรูสึกหิว  มองเห็นสัญชีวะพอเปนอาหารแกหิวได  จึงสะบัดแยกเขี้ยวอวด

                  สัญชีวะและคํารามวิ่งปราดเขากัดกานคอสัญชีวะลมตายลง

                                เมื่ออาจารยไดทราบขาวก็สลดใจและอาลัยรักในลูกศิษยมาก  จึงเปลงอุทานขึ้นวา
                  “นี่แหละผลของการยกยองในทางที่ผิด  ผูยกยองคนเลวราย ยอมรับนับถือเขาในทางมิบังควรตองไดรับ

                  ทุกขถึงตายเชนนี้เอง”
                  จาก ฐะปะนีย  นาครทรรพ  การประพันธ  ท 041 อักษรเจริญทัศน 2519 หนา 9

                           9.5  แบบเทศน หรือเทศนาโวหาร  คือ โวหารที่อธิบายชี้แจงใหผูอานเชื่อถือตาม โดยยก

                  เหตุผลขอเท็จจริง อธิบายคุณ โทษ แนะนําสั่งสอน ตัวอยางเชน

                                “คนคงแกเรียนยอมมีปรีชาญาณ  ฉลาดคิด  ฉลาดทํา  ฉลาดพูดและมีความรูสึกสูง
                  สํานึกในผิดชอบชั่วดี  ไมกลาทําในสิ่งที่ผิดที่ชั่ว เพราะรูสึกละอายขวยเขินแกใจและรูสึกสะดุงหวาดกลัว

                  ตอผลรายอันพึงจะไดรับ  รูสึกอิ่มใจในความถูกตอง รูสึกเสียใจในความผิดพลาด และรูเทาความถูกตอง
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73