Page 86 - mukdahansuksapub
P. 86

                                                                                                             86                 ท้ายซึ่งบังคับบัญชาการปกครองอีสานเหนือ ๖ จังหวัด(เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองในพ.ศ.๒๔๗๕แล้วได้ยก                 เลิกการปกครองแบบเทศาภิบาล)  ท่านสมุหเทศาภิบาลได้มาเป็นประธานในการจัดงานนมัสการพระธาตุพนม                 เป็นทางราชการเป็นครั้งแรกและมีการชุมนุมลูกเสือใน ๖ จังหวัดด้วย                                                  พ.ศ.๒๔๗๕ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง   เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗  ท่าน                 ได้ให้ประชาชนในเขตตัวเมือง(เขตเทศบาลปัจจุบัน)มาร่วมชุมนุม ณ บริเวณประตูโขงหน้าองค์พระธาตุพนมใน                 ตอนเย็น เพื่อฟังคําชี้แจงของนายอําเภอ โดยท่านได้นําคําแถลงการณ์ของคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง                 มาชี้แจงให้ราษฎรฟัง(ยังไม่มีเครื่องขยายเสียง,ยังไม่มีพิมพ์ดีดและไม่มีวิทยุกระจายเสียง)                                                       เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอัน                 มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว ได้มีข้าราชชั้นผู้ใหญ่เดินทางมาตรวจราชการและพักแรมที่อําเภอธาตุพนมซึ่ง                 ท่านต้องจัดการรับรองเช่น  พระยาพหลพลพยุหเสนา(พจน์ พหลโยธิน) ผู้บัญชาการทหารบก(ก่อนเป็นนายกรัฐ                 มนตรี)เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖, หลวงประดิษฐมนูญธรรม(ปรีดี พนมยงค์)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมื่อ พ.ศ                 ๒๔๗๗, หลวงธํารงนาวาสวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๙.                                                    ท่านเป็นนายอําเภอธาตุพนมอยู่ถึง ๒๐ ปีเพราะว่าในอดีตทางราชการถือว่านายอําเภอหรือ                 ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องอยู่ในอําเภอนั้นหรือจังหวัดนั้นไม่ตํ่ากว่าคนละ ๕-๑๐ ปีเพื่อจะคุ้นเคยกับราษฎรและท้อง                 ที่ เช่นพระยาพนมนครานุรักษ์ (อุ้ย นาครทรรภ)เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมถึง  ๑๕ ปี   (พ.ศ.๒๔๕๔-พ.ศ.                 ๒๔๖๙)จึงย้ายไปดํารงตําแหน่งเป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร(ปกครอง ๖ จังหวัด)และได้รับพระราชทานบรร                 ดาศักดิ์เป็น พระยาอดุลเดชสยามเมศวรภักดีวิริยะพาหะ เป็นต้น สําหรับคุณพ่อ(หลวงพิทักษ์)ทางราชการเห็นว่า                 อําเภอธาตุพนมเป็นอําเภอสําคัญ  มีปูชนียสถานที่สําคัญคือองค์พระธาตุพนม  มีแขกหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มา                 พํานักค้างแรมอยู่เป็นประจําซึ่งในอดีตไม่มีโรงแรมหรือร้านอาหารเหมือนในปัจจุบัน จึงเห็นว่าท่านเป็นผู้เหมาะ                 สมที่สุดที่จะเป็นนายอําเภอนี้  จึงไม่ได้โยกย้ายไปที่ใด                                                      กิจวัตรประจําวันของท่านในการดูแลความทุกข์สุขประชาชนก็คือ     ตอนเช้าท่านจะเดิน                 หรือขี่จักรยานไปยังตลาดสดและย่านการค้าซึ่งห่างจากบ้านพักประมาณ ๒-๓ กิโลเมตร    โดยปกติท่านจะนั่งที่                 ร้านกาแฟเพื่อสังเกตการณ์และนั่งสนทนากับชาวบ้านและพ่อค้าไทย,จีน,ญวน,ชาวปากีสถานซึ่งเป็นมุสลิม   วัน                 หนึ่งพ่อค้าจีนและพ่อค้ามุสลิมวิวาทบาดหมางกันขึ้นจะยกพวกเข้าตลุมบอนกัน   ท่านถือไม้ตะพดออกไปยืนกั้น                 กลางห้ามปรามให้สองฝ่ายเลิกรากันจนสงบ                                                ตอนเย็นหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วแทบทุกคืน แม้ถนนหนทางจะมืดมิดเพราะ                 ยังไม่มีไฟฟ้าแสงสว่างเหมือนปัจจุบันมีแต่แสงสว่างตามบ้านเรือนประชาชน  ท่านก็จะออกเดินจากบ้านพักโดย                 มีผู้ติดตามท่านหนึ่งคนหรือบางครั้งก็ให้ลูกชายซึ่งยังเป็นเด็กอยู่เดินตามท่าน    ท่านพกปืนและถือไฟฟ้าเดินทาง                 (ไฟฉาย)เดินดูความเรียบร้อยจนถึงประตูโขง      ซึ่งเป็นย่านการค้าที่มักจะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมสังสรรค์กัน                 ในยามคํ่าคืนเป็นประจําแทบทุกคืน     ท่านจะไปแวะสนทนากับพ่อค้าจีนตามร้านค้าต่างๆบางครั้งท่านก็ไปซุ่มดู
   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91