Page 83 - mukdahansuksapub
P. 83
83 ดํารงฯเคยเสด็จ คือขึ้นรถไฟมายังเมืองนครราชสีมา เดินทางโดยรถยนต์มายังขอนแก่น,อุดรธานี,หนองคาย จาก หนองคายท่านได้ล่องแพ(ไม้ไผ่)มายังนครพนมและเดินทางถึงธาตุพนมเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๘ เวลา ๗.๐๐ น. คุณพ่อ(หลวงพิทักษ์ฯ)ได้บันทึกไว้ในสมุดบันทึก(ปฏิทิน)ไว้ว่า “.......เวลา ๗.๐ก.ท.(ก่อนเที่ยง)ท่านอํามาตย์ โท พระยาศรีธรรมาธิราช ปลัดทูลฉลองมาถึงที่พักอําเภอธาตุพนม....” วันรุ่งขึ้นวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๘ เวลา ๘.๐๐ น.ได้นําท่านปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยไปเรณูนครและเดินทางกลับมาถึงธาตุพนมเวลา ๑๗.๐๐ น. เวลา ๒๒.๐๐น.ท่านปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางโดยล่องแพไปยังมุกดาหาร ซึ่งท่านได้บันทึก ไว้ว่า “.....เวลา ๘ ก.ท. (ก่อนเที่ยง)ได้นําท่านมหาอํามาตย์โท พระยาศรีธรรมาธิราช ปลัดทูลฉลองไปเรณู กลับวันนั้น เวลา ๑๐ ล.ท.(หลังเที่ยง) ออกแพไป.” พระยาศรีธรรมาธิราช(เจิม บุณยรัตพันธ์) เจ้าคุณปลัดทูลฉลองได้ปรารภกับคุณพ่อ(หลวงพิทักษ์ฯ)ว่า ท่านเห็นว่าหัวเมืองในภาคอีสานยัง ขาดบุคลากรที่จะพัฒนาบ้านเมืองอีกมากท่านจึงอยากให้ข้าราชการคัดเลือกลูกหลานที่ปรารถนาที่อยากจะไปเล่า เรียนหนังสือที่กรุงเทพฯโดยท่านจะอุปการะเลี้ยงดูเอง ซึ่งเป็นค่านิยมในสมัยนั้นที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะ ต้องดูแลเลี้ยงดูข้าทาสบริวาร เพื่อสร้างสมบารมีและผู้น้อยก็มักจะฝากฝังลูกหลานกับผู้มีอํานาจวาสนาของบ้าน เมืองเพื่อความเจริญก้าวหน้า คุณพ่อ(หลวงพิทักษ์ฯ)จึงตัดสินใจฝากลูกชายคนโตคือพี่โรจน์ (นายโรจน์ จันทร สาขา)ซึ่งมีอายุเพียง ๑๔ ปีให้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของท่านตั้งแต่ในวันนั้นเป็นต้นมา เพราะคุณพ่อ(หลวง พิทัก์ฯ)ท่านมีความตั้งใจมานานแล้วว่าจะต้องส่งเสียให้ลูกได้เล่าเรียนหนังสือให้ดีที่สุดหรือมิฉะนั้นก็อาจจะฝาก ฝังลูกกับผู้หลักผู้ใหญ่ให้เลี้ยงดูอุปการะตามความนิยมในสมัยนั้น เพราะท่านน้อยใจมานานแล้วว่าหากเจ้าคุณ บิดาของท่านยอมให้ท่านถวายตัวเป็นมหาดเล็กของเสด็จในกรมหลวงประจักษ์ฯ ซึ่งมาปกครองภาคอีสานใน อดีตท่านคงก้าวหน้าในหน้าที่ราชการมากกว่านี้ นอกจากท่านจะฝากลูกชายของท่านให้อยู่ในความอุปการะของ ท่านปลัดทูลฉลองแล้วท่านยังได้ฝากฝังลูกหลานของญาติท่านให้อยู่ในความอุปการะของท่านปลัดทูลฉลองอีก