Page 26 - บทเรียนการสื่อสาร
P. 26
การสื่อสารส าหรับผู้ป่วยเรื้อรัง
โรคเรื้อรังเป็นโรคที่ต้องใช้เวลาในการรักษายาวนาน แม้ว่าโรคบางโรคสามารถรักษาให้
หายขาดได้ แต่มีโรคจ านวนไม่น้อยไม่สามารถรักษาให้หายขาด การรักษามักเพียงท าให้อาการ
ของโรคดีขึ้นเท่านั้น เช่น โรคเอชไอวี/เอดส์ โรคธาลัสซีเมีย โรคไตวาย โรคตับวาย
่
โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง ผู้ปวยเหล่านี้หากไม่ได้รับการดูแลที่ดี
อาจมีอาการทรุดลง เกิดความพิการ หรืออาจเสียชีวิต
่
โรคทุกโรคมีผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้ปวยและมักส่งผลกระทบ
่
ไปยังสมาชิกคนอื่นในครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงควรใช้แนวคิดในการดูแลผู้ปวยแบบเป็น
่
องค์รวม การดูแลผู้ปวยด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ และไม่ควรให้ความส าคัญเฉพาะโรคทาง
กายเท่านั้น แต่ควรใส่ใจถึงศาสตร์ด้านจิตวิทยาและสังคมวิทยาด้วย
่
การสื่อสารกับผู้ปวยเรื้อรังแต่ละโรคมีหลักการที่คล้ายคลึงกัน บรรยากาศทั่วไปของการ
สื่อสารควรมีลักษณะเป็นกันเอง เต็มไปด้วยความเข้าใจ ความเห็นใจ และพร้อมที่จะให้ก าลังใจ
่
กับผู้ปวยและครอบครัวในเรื่องที่มีความส าคัญควรท าการสื่อสารในสถานที่รโหฐาน หลีกเลี่ยง
่
การพูดคุยที่ข้างเตียงในหอผู้ปวย หรือพูดคุยในห้องตรวจที่มีบุคคลอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย
ผู้ท าหน้าที่สื่อสารควรมีคุณสมบัติที่น่าเชื่อถือ น่าไว้ใจ และมีท่าทีที่เป็นมิตร เริ่มต้นจากการ
แนะน าตนเองและผู้เกี่ยวข้อง ใช้หลักการให้การปรึกษาเป็นหลัก ควรมีผู้ท าหน้าที่สื่อสารหลัก
่
เพียงคนเดียวเพื่อไม่ให้ผู้ปวยและครอบครัวเกิดความสับสนในเนื้อหาสาระ ผู้เกี่ยวข้องอาจให้
ข้อมูลหรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ แต่ข้อมูลและความคิดเห็นที่ให้ควรมีความสอดคล้องไป
ในทิศทางเดียวกับกับผู้ท าหน้าที่สื่อสารหลัก ในชีวิตประจ าวันมีบ่อยครั้งที่แพทย์และบุคลากร
ทางการแพทย์หลายคนให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งจะสร้างความสับสน
่
ให้กับผู้ปวยและญาติเป็นอย่างมาก ท าให้การสื่อสารประสบความล้มเหลวและยากแก่การแก้ไข
่
ขั้นตอนในการสื่อสารกับผู้ปวยเรื้อรังและครอบครัว มี 5 ระยะคือ ขั้นตอนการแจ้งข่าว
่
ร้าย ขั้นตอนเตรียมการรักษา ขั้นตอนระหว่างการรักษา ขั้นตอนเมื่อผู้ปวยอยู่ในระยะวิกฤติ และ
่
ขั้นตอนเมื่อผู้ปวยอยู่ในระยะสุดท้าย
ขั้นตอนการแจ้งข่าวร้าย
"การแจ้งข่าวร้าย" จะประสบความส าเร็จมากน้อยขึ้นกับการสื่อสารเพื่อเตรียมการก่อน
การบอกข่าว การเตรียมการดังกล่าวยึดหลักท านองเดียวกับการให้การปรึกษาก่อนทราบผล
เลือดในการตรวจเลือดส าหรับเชื้อเอชไอวี แพทย์ส่วนใหญ่มักแจ้งข่าวร้ายเมื่อทราบผลการตรวจ
่
ที่แน่นอนแล้ว โดยขาดขั้นตอนการเตรียมตัวของผู้ปวยและญาติ ท าให้กระบวนการบอกข่าวร้าย
ไม่ประสบความส าเร็จเท่าที่ควร
26