Page 48 - บทเรียนการสื่อสาร
P. 48
เต็มใจและเนื้อหาที่ได้มักน่าเชื่อถือมากกว่าวิธีการสื่อสารแบบเดิมๆ ที่ใช้อยู่ อย่างไรก็ตาม หาก
เราไม่ท าหน้าที่ควบคุมกระบวนการของการสื่อสารให้กระชับ อาจท าให้ต้องใช้เวลานานเกินไป
และท าให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารลดลงได้
แพทย์ประจ าบ้าน นักเรียนแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ ควรพูดให้น้อยลง พูดใน
่
จังหวะที่เหมาะสม และจ ากัดการให้ข้อมูลเท่าที่จะเป็นประโยชน์ส าหรับผู้ปวยเท่านั้น แต่ควรใช้
ั
ั
ั
่
เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฟงเพื่อเก็บข้อมูลและประเด็นปญหาจากผู้ปวย โดยการฟงควรมี
ั
ลักษณะที่เรียกว่า “ฟงอย่างใส่ใจ” โดยอาศัยเทคนิคการทวนซ ้าและการสรุปความเป็นระยะๆ
การเลือกใช้การสื่อสารในลักษณะเช่นนี้จะท าให้การสื่อสารเป็นไปในลักษณะเข้าใจตรงกันแบบ
่
“จูงมือไปด้วยกัน” ได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และท าให้ผู้ปวยรู้สึกว่าเราให้ความส าคัญกับเรื่องราว
่
ของเขา เกิดความรู้สึก “ผู้ปวยเป็นศูนย์กลาง” ปรากฏเด่นชัดขึ้น
ั
่
่
ั
4. ท าความเข้าใจกับปญหาของผู้ปวย การฟงผู้ปวยอย่างใส่ใจจะน าไปสู่ความเข้าใจใน
ั
ั
่
ั
ประเด็นปญหาของผู้ปวย หากเรายังไม่เข้าใจปญหาอย่างถ่องแท้และเร่งรีบในการแก้ไขปญหา
่
พร้อมให้ข้อมูลมากมายซึ่งอาจไม่ตรงกับประเด็นที่ผู้ปวยต้องการ จะท าให้กระบวนการสื่อสาร
ขาดประสิทธิภาพ เหมือนอาวุธที่ใช้ไม่เฉียบคมหรือ “เกาไม่ถูกที่คัน”
ั
่
การท าความเข้าใจกับปญหาของผู้ปวยต้องอาศัยเวลาและทักษะในการแกะรอย ค าพูด
ั
่
ั
่
แรกของผู้ปวยอาจไม่ใช่ปญหาที่แท้จริงของผู้ปวย ยังไม่ควรเร่งด่วนสรุปว่าเป็นปญหาที่แท้จริง
และรีบท าการแก้ไข
ตัวอย่างการสื่อสารในห้องตรวจโรคผู้ป่วยนอก
่
ผู้ปวย: “ผมรู้สึกปวดหัวมาก”
แพทย์: “ทําไมถึงปวดหัวล่ะ”
่
ผู้ปวย: “คงเครียดกับงานมั้งครับ”
แพทย์: “หมอตรวจร่างกายแล้วไม่เจออะไร คงปวดหัวจากเครียดนั่นแหละ
เดี๋ยวรับยาคลายเครียดไปกิน คุณต้องพยายามไม่คิดมาก (จะท าได้จริงหรือ) เดี๋ยวก็หายไปเอง
่
คิดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร (อาจท าให้ผู้ปวยรู้สึกว่าผู้ให้การรักษาไม่เข้าใจเขาและอาจท าให้เสีย
สัมพันธภาพ) ”
อาจท าการปรับเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่ง
่
ผู้ปวย: “ผมรู้สึกปวดหัวมาก”
แพทย์: “ปวดหัวมา”ก (พูดทวนซ ้า)
่
ผู้ปวย: “คงเครียดกับงาน”
แพทย์: “คุณคิดว่าคุณอาจปวดหัวจากความเครียดกับงาน (สรุปความ) พอจะ
ั
ั
ั
เล่ารายละเอียดให้ฟงได้ไหม เราจะได้ช่วยกันแก้ปญหา (เน้นการแก้ไขปญหาด้วยตนเอง ไม่ใช่
ให้ค าแนะน าโดยตรง) ”
48