Page 68 - วารสาร สช มค-มีค 61(new)
P. 68

ปัจจัยที่มีผลต่อการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านมด้วยตนเองของผู้หญิง
           ง�นวิจัย     เขตอ�าเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต


            รุนแรงของโรคมะเร็งเต้านม การรับรู้ถึงประโยชน์ของ ระหว่าง 10-15 ปี (90.70%) (x = 13.70, S.D.
            การตรวจเต้านมด้วยตนเอง การรับรู้ถึงอุปสรรคในการ = 1.377, Min = 10, Max = 19) หมดประจ�า
            ตรวจเต้านมด้วยตนเอง และความมั่นใจในการตรวจเต้า เดือนแล้ว (55.60%) โดยหมดประจ�าเดือนช่วงอายุ
            นมด้วยตนเอง ข้อค�าตอบมีลักษณะเป็นมาตราส่วน ระหว่าง 45-50 ปี (47.64%) (x = 49.70, S.D.
            ประมาณค่าตามระดับความคิดเห็น 5 ระดับ คือ เห็น = 3.734, Min = 30, Max = 55) หมดประจ�า
            ด้วยอย่างยิ่ง เห็นด้วย ไม่แน่ใจ ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เดือนตามธรรมชาติ (52.20%) กลุ่มตัวอย่างมีบุตร
            อย่างยิ่ง เกณฑ์การแปลผลตามแนวคิดของเบสท์ (Best  น้อยกว่า 2 คน (53.70%) และไม่เคยแท้งบุตร
            John W, 1977) แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ            (ร้อยละ 82.10) มีบุตรคนแรกเมื่ออายุเฉลี่ยเท่ากับ
                   ระดับสูงสุด (ค่าคะแนนเฉลี่ย 3.67 – 5.00)  24.59 ปี (x = 24.59, S.D. = 5.193) มีบุตรคน
                   ระดับปานกลาง (ค่าคะแนนเฉลี่ย 2.34– 3.66) แรกเมื่ออายุระหว่าง 20-30 ปี (63.82%) มีการ
                   ระดับต�่า (ค่าคะแนนเฉลี่ย 1.00 – 2.33)  เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทุกคน (85.00%) มีประวัติการ
                                                          คุมก�าเนิด  (47.76%)  โดยวิธีกินยาคุมก�าเนิด
                   ส่วนที่ 4 พฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเอง   (44.78%)  การตรวจสุขภาพประจ�าปีอย่าง
            ข้อค�าถามเป็นแบบตัวแปรกลุ่ม (Dichotomous data)   สม�่าเสมอ (80.20%) ได้แก่ ตรวจเช็คโรคความดัน
            ประกอบด้วยการตรวจเต้านมด้วยตนเอง  (อย่าง      โลหิตสูง (75.70%) ตรวจไขมัน/น�้าตาลในเลือด
            สม�่าเสมอเดือนละ 1 ครั้ง) และการไม่ตรวจเต้านมด้วย  (63.10%) ตรวจโรคหัวใจและภาวะที่เกี่ยวข้อง
            ตนเอง แบบสอบถามนี้สร้างขึ้นจากการศึกษาทบทวน   (17.90%) ตรวจหามะเร็งปากมดลูก (38.80%)
            วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องและน�าไปให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน   การตรวจหามะเร็งเต้านม (28.40%)  และตรวจ
            ตรวจสอบความตรงของเนื้อหาน�าแบบสอบถามไป        ค้นหามะเร็งชนิดอื่นๆเช่น มะเร็งล�าไส้ (7.50%)
            ทดลองใช้ค�านวณค่าความเที่ยง (Reliability) ด้วย  ประวัติการมีโรคประจ�าตัว (29.10%) ได้แก่โรค
            สัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค (Cronbach’s Alpha   ความดันโลหิตสูง (22%) การมีสมาชิกในครอบครัว
            Coefficient) เท่ากับ 0.86 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ   เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม (8.60%) และเสีย
            Pearson’s Product Moment correlation coefficient   ชีวิตด้วยโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ (ร้อยละ 14.90) การ
            และStepwise Multiple Regression Analysis
                                                          ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง พบความ
                            ผลกำรศึกษำ                    ผิดปกติที่บริเวณเต้านมหรือใต้รักแร้ (13.10%)
                                                          หลังจากที่ตรวจพบอาการผิดปกติแล้วจะไม่ปรึกษา
                   กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 30-60  ใครปล่อยให้หายเอง (98.50%) ปรึกษาบุคลากร
            ปี (75.00%) (x = 50.08, S.D. = 11.821, Min =  สาธารณสุขที่สถานีอนามัย/โรงพยาบาลส่งเสริม
            21, Max = 76) สถานภาพสมรส/แต่งงาน/อยู่ด้วย สุขภาพต�าบล (97.00%) หรือไปโรงพยาบาล
            กัน  (60.40%)  จบการศึกษาระดับประถมศึกษา  (89.60%) หรือไปปรึกษาญาติ/เพื่อน (98.50%)
            (31.30%) มีเพียงร้อยละ 2.20 ที่ไม่ได้ศึกษา ประกอบ ส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้า
            อาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ (22.80%) และไม่ได้ นมจากโทรทัศน์ (60.10%) รองลงมาจากอาสา
            ท�างาน (42.50%) มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง  สมัครสาธารณสุขประจ�าหมู่บ้าน  (59.70%)
            10,000-30,000 บาท (54.10%) (x = 23,244.76,  มีประวัติการสูบบุหรี่เป็นประจ�า (2.20%) และ
            S.D. = 18,426.846, Min = 3,000, Max =  มีประวัติดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจ�า
            107,600) ประวัติการมีประจ�าเดือนครั้งแรกช่วงอายุ (3.70%)




          66
                   วารสารสุขภาพภาคประชาชน
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73