Page 148 - โครงการสื่ออิเล็กทรอนิกส์
P. 148

หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม       145










                      ความส าเร็จ ก็เร่งมือให้ประสบความส าเร็จเสีย การรู้จักใช้เวลา มีหลักที่ควรค านึงอยู่ 4ประการ
          คือ ท า ทันเวลา ท าถูกเวลา ท าตามเวลา และท าตรงเวลา


                      (ก) งานที่มีก าหนดเวลา เช่น การท านา การสอนนักเรียน เมื่อท าตามก าหนด เรียกว่า ท า
          ทันเวลา


                      (ข) งานบางอย่างขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส เช่น โอกาสควรพูดในที่ประชุม ควร พูดประเด็น
          ก่อนหลัง เมื่อท าในจังหวะที่เหมาะสม เรียกว่า ท าถูกเวลา

                      (ค) งานบางอย่างต้องท าตามเวลาที่ก าหนดไว้อย่างเคร่งครัด ท าในเวลาอื่นไม่ได้ เช่น ท าพิธีบูชา

          ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา เมื่อท าตามวันที่ก าหนดนั้น เรียกว่าท าตามเวลา เป็นต้น

                      (ง) งานบางอย่างมีการนัดหมายกัน เช่น การประชุม การพบปะเจรจาตกลงกัน หรืองานที่มีฤกษ์

          เป็นต้น เมื่อไปตามเวลานัดหรือเวลาก าหนด เรียกว่า ท าตรงเวลารวมความแล้ว ชาวพุทธจะต้องรู้เรื่องเวลา รู้
          ค่าของเวลา รู้จักใช้เวลา โดยท าให้ ทันเวลา ท าถูกเวลา ท าตามเวลา และท าตรงเวลา


                      (6) ปริสัญญตา คือ ความเป็นผู้รู้จักชุมชน หมายถึง การรู้จักสังคม กลุ่มชน หรือหมู่หนึ่ง คณะ
          หนึ่ง กลุ่มชนนั้น ๆ มีขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีแตกต่างกัน เช่น พวกนักศึกษา พวกทหาร พวก
          ต ารวจ พวกชาวบ้านแต่ละท้องถิ่น พวกพระภิกษุ เป็นต้น ผู้ฉลาดจะเข้าสู่สังคมใด ต้องศึกษาธรรมเนียมของ

          สังคมนั้นก่อน แล้วปรับตัวเข้ากับเขาแต่พอดีพองาม ในท านองเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม พอให้ไม่ เก้อ
          ไม่เป็น ไม่เป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของคนในสังคมนั้น ๆ แต่ไม่จ าเป็นต้องยอมรับขนบธรรมเนียมของเขา มา

          เป็นของตน

                      (7) บุคคลปโรปรัญญตา คือ ความเป็นผู้รู้จักบุคคลแต่ละคน เรียกสั้น ๆ ว่า บุคคลญญตา

          หมายความว่า รู้จักบุคคลแต่ละคน เพื่อเลือกปฏิบัติต่อคนนั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง

                      การเลือกคบคนนั้น ต้องดูให้รู้ว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนชั่ว สิ่งที่ต้องดูคือ กายกรรม และ
          วจีกรรม ของบุคคลนั้น ๆ อันจะสะท้อนให้ทราบถึงมโนกรรม อุปนิสัย และอัธยาศัย ถ้าเขาชอบท ากาย ทุจริต

          พูดวจีทุจริต ก็สันนิษฐานได้ว่า ความคิดของเขาก็เป็นมโนทุจริตเช่นกัน คนเช่นนั้นไม่ควรคบ ตรงกัน ข้าม ถ้า
          เขาท าแต่กายสุจริต พูดวจีสุจริต ก็แสดงว่าความคิดของเขาเป็นมโนสุจริต คนเช่นนั้นคบได้ การคบ นั้นมีหลาย

          ฐานะ เช่น คบเป็นมิตร คบเป็นครู เป็นศิษย์ คบเป็นเจ้านาย ลูกน้อง คบเป็นสามีภรรยา ซึ่งต้องดู ให้เหมาะสม
          ฐานะนั้น ๆ การรู้จักคนเพื่อประโยชน์ในการปกครอง นอกจากดูว่าใครเป็นคนดี ไม่ดี แค่ไหน เพียงไรแล้ว

          ต้องดูความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ สุขภาพกาย สุขภาพจิต การชอบสังคมหรือไม่ชอบ สังคมของเขา
          ด้วย เพื่อจะใช้คนให้ถูกกับงาน จะช่วยให้งานส าเร็จเรียบร้อย และเป็นที่พอใจด้วยกันทุกฝ่าย
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153