Page 107 - ตามรอยพระศาสดา
P. 107

106


          ก็เสด็จพระพุทธลีลาเข้าไปในห้องแห่งประสาท ขึ้นสถิตบนรัตนบัลลังก์

          อาสน์อันงามวิจิตร

               ฝ่ายนางสนมทั้งหลาย ครั้นได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จ
          มาประทับอยู่บนปราสาท จึงรีบไปทูลความแด่พระนางพิมพาว่า “บัดนี้
          พระสิทธัตถะราชสวามีของพระนางเจ้า ได้เสด็จมาประทับยังห้องแห่งปราสาท

          ของพระนางแล้ว”

               เมื่อพระนางพิมพาเทวีทรงสดับก็ลุกจากที่ประทับ จูงหัตถ์พระราหุล
          ราชโอรสกลั้นความก�าสรดโศก แล้วก็เสด็จคลานออกจากพระทวาร

          สถานที่สิริไสยาสน์ ตรงเข้ากอดบาทพระบรมศาสดา แล้วซบพระเศียรลง
          ถวายนมัสการ พลางทรงพิลาปกราบทูลสารว่า “โทษกระหม่อมฉันนี้มีมาก
          เพราะเป็นหญิงกาลกิณี พระองค์จึงเสด็จหนีให้อาดูรด้วยเสน่หา แต่เวลา

          ยังดรุณภาพ พระองค์มิได้ตรัสบอกให้ทราบ แสร้งทรงสละข้าพระบาทไว้
          ไม่มีอาลัย ดุจก้อนเขฬะบนปลายพระชิวหา อันถ่มออกจากพระโอษฐ์

          มิได้โปรดปราน เสด็จบ�าราศร้างจากนิวาสสถานไปบรรพชา ถึงมาตรว่า
          ข้าพระบาทพิมพานี้มีโทษแล้ว ส่วนลูกแก้วราหุลราชกุมาร เพิ่งประสูติจาก
          พระครรภ์ในวันนั้น ยังมิทันได้รู้ผิดชอบประการใด นั้นมีโทษสิ่งไรด้วยเล่า

          พระผ่านเกล้าจึงแกล้งทอดทิ้งไว้ให้ร้างพระปิตุรงค์”

               “ประการหนึ่ง ข้าพระบาทของพระองค์นี้ โหราจารย์ญาณเมธีได้
          ท�านายไว้แต่ยังเยาว์วัยว่า ยโสธราพิมพาราชกุมารี มีบุญญาธิการใหญ่ยิ่ง

          ควรเป็นมิ่งมเหสีอดุลกษัตริย์จักรพรรดิราช ค�าท�านายนั้นก็เคลื่อนคลาด
          เพี้ยนผิด พิมพากลับวิปริตเป็นหญิงหม้ายชายร้างสิ้นราคา” เมื่อพระนาง

          พิมพาเทวีปริเวทนามาฉะนี้ แล้วก็กลิ้งเกลือกพระอุตมางคโมลีเหนือหลัง
          พระบาทพระศาสดา ดูเป็นที่เวทนา

               ส่วนสมเด็จพระพุทธบิดา ก็ได้กราบทูลพรรณนาถึงความดีของ

                                  ตามรอยพระศาสดา
   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112