Page 231 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 231

เหน็ดเหนื่อย  แม้จะลำบากในการเผยแพร่ธรรมในการช่วยเหลือคน  โดนคนด่า  โดนคนชี้หน้าว่า

               อย่างนั้นอย่างนี้ นี่แหละเป็นคุณสมบัติของนักปราชญ์

                     “ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกะขา” แปลว่า ขันตินี้จะเป็นตบะ เป็นเครื่องแผดเผากิเลสให้เหือด

               แห้งหายไป ถ้าตราบใดเราได้ฝึกสวดมนต์ ได้เดินจงกรม ได้นั่งสมาธิ ได้สวดมนต์อย่างนี้นี่แหละสติ

               เมื่อมีสติมากขึ้น ความอดทนก็จะมากขึ้น ก็จะเป็นคุณสมบัติของเรา เมื่อเป็นคุณสมบัติของเรา คำ

                                 ู้
               ว่า “นักปราชญ์ ผู้ร ผู้เข้าใจในสรรพสิ่งทั้งหลาย” ทุกอย่างก็เกิดขึ้นมา ก็ดำรงอยู่ตามสภาพแล้วมัน
               ก็ดับไป ไม่มีอะไรยั่งยืน

                     มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อได้พูดถึง  “อัครสาวิกา”  เป็นผู้หญิง  ปกติเราจะได้ยินอัครสาวกเบื้องซ้าย

                                                                                  ื้
               และเบื้องขวาที่เป็นพระสงฆ์  วันนี้จะพูดถึงอัครสาวิกาซึ่งเป็นอัครสาวกเบองขวาของพระพุทธเจ้าที่
               เป็นผู้หญิง ก็คือ “พระนางเขมา” พระนางเขมาเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร ผู้สร้างวัดเวฬุ

               วันถวายพระพุทธเจ้า พระนางเป็นสตรีที่มีรูปงามและหลงเมามัวในรูปสมบัติของตนมาก ไม่เคยไป

               เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเลย  ต่อมาพระเจ้าพิมพิสารรับสั่งให้แต่งดอกไม้ประดับที่วัดเวฬุวันให้สวยงาม

               กว่าพระราชวังอีก โดยให้คนแต่งเพลงพรรณนาถึงวดเวฬุวันว่าสวยงามอย่างนั้น มีดอกไม้อย่างนี้ มี
                                                              ั
               สระน้ำอย่างนั้นอย่างนี้  เอานักร้องมาร้องใส่ดนตรีเข้าไป  ก็ไปร้องในพระราชวัง  พระนางก็มาฟัง

               เพลง เอ๊ะ เพลงนี้ไม่เคยได้ยิน พรรณนาถึงที่ไหนกัน ทุกคนก็บอกว่าพรรณนาถึงวัดเวฬุวันยังไงเล่า

               วัดเวฬุวันงามขนาดนี้เลยหรือ มีต้นไม้ร่มรื่น มีสระน้ำ สวยงามมาก อยากจะไป ถ้ายังงั้นขอไปชม

               หน่อยว่าสวยงามขนาดไหน ทำไมเพลงพรรณนาได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พระนางก็เสด็จไปที่วัดเวฬุวัน

                                           ่
                     พระพุทธเจ้าทรงทราบวาพระนางเสด็จมา  ก็มาประทับนั่งอยู่ใต้ต้นไผ่  พระนางก็พรรณนา
               เห็นต้นไม้ออกดอก  ไม้ดอกนี้ก็สวย  ดอกนั้นก็สวย  เพลิดเพลินมาเรื่อย  ๆ  พระนางก็เดินมาเจอ

               พระพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงเนรมิตผู้หญิงสวยงามกำลังพัดให้พระองค์ทั้งสองด้าน พัด ๆ ไป พระ

               นางก็เห็น พระนางก็คิดว่าพระพุทธเจ้ามีคนสวยทั้งซ้ายขวา สวยกว่าเราอีก ลองย้อนมาดูตัวเราบ้าง

               พระพุทธเจ้ามีแต่ของสวย ๆ งาม ๆ ดูเพลินตาเพลินใจ พระพุทธเจ้าก็รู้วานางสนใจแต่หญิงที่กำลัง
                                                                                  ่
               พัดให้พระองค์อยู่แค่นั้น  พระองค์ก็ทรงเนรมิตให้หญิงทั้งสองค่อยแก่ลง  ๆ  แล้วก็ชราหนังเหี่ยวไป

                          ี่
               เรื่อย ๆ เหยวลงจนหน้าตาเฟะลงไป พระนางก็ตกใจ โอ้ อะไรนี่ สวยงามยังตายได้หรือนี่ ยังเหยว
                                                                                                       ี่
               อีกหรือนี่ ก็ย้อนมาดูตัวเอง พอย้อนมาดูตัวเอง ก็คิดว่าสักวันหนึ่งเราก็คงชราเปื่อยเน่าเหมือนหญิง

               สองคนนี้แน่ ๆ เมื่อก่อนนี้ทำไมสวยงาม มาบัดนี้แก่ชราเปื่อยเน่าเฟะเลย เราคงไม่ต่างกัน

                     พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่านั่นแหละทุกคนทั้งหลายมีร่างกายไม่ต่างกันหรอก       เต็มไปด้วยสิ่ง

               สกปรกทั้งนั้น เต็มไปด้วยน้ำเลือด น้ำหนอง น้ำเหลือง น้ำคลำ นำมาซึ่งความสกปรกโสโครก ไม่ว่า



                                                          ๒๓๑
   226   227   228   229   230   231   232   233   234   235   236