Page 233 - คู่มือตุลาการ เล่มที่ 1 วิ.แพ่ง มีสารบัญ ebook
P. 233

คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง   ๒๐๕


                                                        บทที่  ๑๕/๑


                           การสั่งให้ตรวจพิสูจน์บุคคล  วัตถุ  หรือเอกสารโดยวิธีการ


                                                     ทางวิทยาศาสตร์




                         ในกรณีที่จ าเป็นต้องใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดที่เป็น

                  ประเด็นส าคัญแห่งคดี เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ ศาลมีอ านาจ

                  สั่งให้ท าการตรวจพิสูจน์บุคคล วัตถุ หรือเอกสารใดโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้ตามมาตรา

                  ๑๒๘/๑ วรรคหนึ่ง  เช่น การสั่งให้ตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมของบุคคลเพื่อพิสูจน์

                  เอกลักษณ์หรือความเกี่ยวพันทางสายโลหิต การสั่งให้ตรวจพิสูจน์น ้าในแหล่งน ้าสาธารณะ

                  เพื่อหาสารพิษปนเปื้ อน การสั่งให้ตรวจพิสูจน์สินค้าพิพาทว่ามีส่วนประกอบหรือคุณสมบัติ

                  ตามสัญญาหรือไม่

                         ศาลควรสอบถามคู่ความและด าเนินการสั่งให้ตรวจพิสูจน์บุคคล วัตถุหรือเอกสาร

                  โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้รับรายงานผลการตรวจพิสูจน์

                  ก่อนวันนัดสืบพยานตามระบบการนั่งพิจารณาคดีครบองค์คณะและต่อเนื่องและตามมาตรา

                  ๑๒๘/๑ วรรคสอง

                         ในกรณีที่พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ท าให้

                  ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานอื่นอีก  ศาลอาจสั่งให้ตรวจพิสูจน์และนัด


                  พร้อมเพื่อฟังผลการตรวจพิสูจน์ โดยยังไม่ต้องก าหนดวันนัดสืบพยาน และหากได้รับรายงานผล
                  การตรวจพิสูจน์แล้ว  เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ก็สั่งให้งดสืบพยานและนัดฟังค าพิพากษาต่อไป


                         ถ้าการตรวจพิสูจน์จ าเป็นต้องเก็บตัวอย่างเลือด เนื้อเยื่อ ผิวหนัง เส้นผมหรือขน ปัสสาวะ

                  อุจจาระ น ้าลายหรือสารคัดหลั่งอื่น สารพันธุกรรม หรือส่วนประกอบอื่นของร่างกาย  หรือสิ่งที่

                  อยู่ในร่างกายจากคู่ความหรือบุคคลใด ศาลอาจให้คู่ความหรือบุคคลนั้นรับการตรวจพิสูจน์

                  จากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นได้  แต่ทั้งนี้การเก็บตัวอย่างดังกล่าวจะต้องได้รับความยินยอม

                  จากคู่ความหรือบุคคลนั้นก่อนตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคสาม

                         ในกรณีที่คู่ความฝ่ายใดไม่ยินยอมหรือไม่ให้ความร่วมมือต่อการตรวจพิสูจน์หรือไม่ให้

                  ความยินยอมหรือกระท าการขัดขวางมิให้บุคคลที่เกี่ยวข้องให้ความยินยอมต่อการตรวจ

                  เก็บตัวอย่างดังกล่าว ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่คู่ความฝ่ายตรงข้าม

                  กล่าวอ้างตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคสี่
   228   229   230   231   232   233   234   235   236   237   238