Page 397 - คู่มือตุลาการ เล่มที่ 1 วิ.แพ่ง มีสารบัญ ebook
P. 397

คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง   ๓๖๙


                  และให้ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาแสดงข้อความแห่งข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอม

                  ความเหล่านั้นไว้แล้วพิพากษาไปตามนั้น  ดังนั้น การที่ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า

                  คู่ความตกลงกันแล้ว ท าสัญญาประนีประนอมยอมความ  แต่โจทก์ไม่ลงลายมือชื่อ ศาลจด

                  รายงานกระบวนพิจารณาไว้ว่า โจทก์ไม่ยอมลงลายมือชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ

                  โดยมิได้แจ้งเหตุใด ๆ จึงบันทึกไว้ต่อหน้าโจทก์จ าเลย สัญญาประนีประนอมยอมความนี้ไม่ชอบ

                  ด้วย ป.พ.พ. มาตรา ๘๕๑ ค าพิพากษาที่บังคับคดีตามยอมนั้นไม่เป็นค าพิพากษาที่ชอบ  คู่ความ

                  อุทธรณ์ฎีกาได้  ศาลพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและยกค าพิพากษา

                  ตามยอมให้พิจารณาพิพากษาใหม่  (ฎีกาที่ ๑๙๕/๒๕๒๑)

                                        ๑๙. สัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ถือว่าเป็น

                  ส่วนหนึ่งของค าพิพากษาจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้เมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลง

                  เล็กน้อย (ฎีกาที่ ๙๐๗/๒๕๓๙) แต่ข้อความที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมว่า พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ


                  ๑๘.๕ ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันท ายอมเป็นต้นไปจนกว่าจะช าระเสร็จต่อจาก
                  ข้อความว่า จ าเลยยอมรับผิดช าระต้นเงินและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน ๘๙๒,๔๕๒.๗๒ บาท นั้น


                  เป็นการเพิ่มความรับผิดให้จ าเลยต้องรับผิดในส่วนของดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าเดิม จึงไม่ใช่

                  ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ แม้จ าเลยจะไม่คัดค้าน โจทก์ก็ไม่อาจขอแก้ไขได้

                  (ฎีกาที่ ๑๗๗๑/๒๕๔๗)

                                        ๒๐.  การท้ากันให้ถือเอาผลของค าพิพากษา  หมายถึง ผลค าพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้ว

                  (ฎีกาที่ ๑๔๓๖/๒๕๓๘)

                                        ๒๑. ตามมาตรา ๓๕ แห่ง พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๓๕  ที่บัญญัติว่า

                  “ที่วัด  ที่ธรณีสงฆ์และที่ศาสนสมบัติกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดแห่ง  การบังคับคดี”

                  ย่อมหมายถึงว่า  เมื่อมีการบังคับคดีแล้วจะต้องมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่กฎหมายห้ามยึด

                  หรืออายัด  การที่ทนายโจทก์และจ าเลยตกลงกันท าสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่า

                  ให้จ าเลยจัดท าถนนในที่ดินพิพาทโดยจ าเลยต้องแจ้งให้โจทก์ทราบ   ข้อตกลงดังกล่าวหากโจทก์

                  บิดพลิ้วจ าเลยไม่จ าต้องยึดหรืออายัดที่ดินพิพาทเพื่อการบังคับคดีแต่อย่างใด ข้อตกลงของ

                  ทนายโจทก์กับจ าเลยข้อนี้จึงมิได้ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย

                  ของประชาชนและศาลชั้นต้นได้พิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแล้ว

                  ข้ออ้างของโจทก์จึงมิได้เข้าข้อยกเว้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๓๘ วรรคสอง ในอันที่จะใช้สิทธิ

                  อุทธรณ์ได้ (ฎีกาที่ ๑๑๑๐/๒๕๔๐)
   392   393   394   395   396   397   398   399   400   401   402