Page 48 - Chiang rai medical journal
P. 48

นิพนธ์ต้นฉบับ
               นนท์ธิวัฒน์ ญาณะตาล , วิชช ธรรมปัญญา,
               พัชรา เรืองวงศ์โรจน์



                 ความเป็นมา                                        หลักการรักษาโรคด่างขาว คือ การ
                        โรคด่างขาว (Vitiligo)เป็นโรคที่ยังไม่  กระตุ้นเม็ดสีที่ไม่ท างานในชั้นใต้ผิวหนังให้แบ่ง
                 ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่มีความ  เพิ่มจ านวนและ สร้างเม็ดสีขึ้นมาจนแสดงให้เห็น

                 เชื่อว่าเกิดจากการขาดหรือบกพร่องของรงควัตถุ   ในผิวหนังชั้นบนสุดเพื่อให้เกิดการฟื้นคืนสภาพ
                                                                             10
                  (Melanocyte) บริเวณผิวหนังหรือบริเวณต่อมผม   ผิว(Repigmentation)  ให้ใกล้เคียงผิวหนังเดิม
                 (Hair  Follicle)  บางครั้งเชื่อว่าอาจมีความ  มากที่สุด  แบ่งกลไกการคืนสภาพผิวได้เป็น
                                        6             7
                 เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน  หรือพันธุกรรม    3 แบบ คือ (1) การคืนสภาพผิวจากบริเวณรอบรู
                  ท าให้ผิวหนังมีลักษณะสีขาวเหมือนน้ านม พบได้  ขุมขน (Perfollicular)  (2) การคืนสภาพผิวจาก

                 ร้อยละ 0.5 ของประชากรทั่วโลก สามารถพบได้   บริเวณขอบของพยาธิสภาพ (Marginal)
                                                                                                 11
                                                     8,9
                 ทั้งเพศชายและหญิง เกิดได้ในทุกกลุ่มอายุ      (3)  การคืนสภาพผิวแบบกระจายทั่ว (Diffuse)

                 ร้อยละ 50 ของคนไข้ทั้งหมด เริ่มเป็นในช่วงอายุ   การรักษามีหลายวิธี เช่น การใช้  ยาสเตียรอยด์
                        1,2
                  10-30 ปี  โดยลักษณะที่พบจะเป็นสีขาว กลม รี   ทาเฉพาะที่ ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาวิธีมาตรฐานที่
                                                                                          8
                 ขอบเขตชัดเจน หากมีการอักเสบ จะพบว่า        ใช้กันแพร่หลายในอดีตและปัจจุบัน , การฉาย

                 ขอบเขตแดงชัด นูนขึ้น อาจมีอาการคันหรือไม่ก็  รังสี PUVA,  narrowband  UVB,  การทาสาร
                  ได้ สามารถแบ่งโรคด่างขาวได้เป็น 5 ชนิด คือ   อนุพันธ์ของวิตามินดี และการใช้หลาย ๆ วิธี

                 ด่างขาวบริเวณเดียว (Focal  Type)  ด่างขาวเป็น  ร่วมกัน เป็นต้น 10,1,2,13
                 กลุ่ม (Segmental  Type)  ด่างขาวกระจายตาม         การพ่นก๊าซไนไตรเจนเหลว (Liquid

                 ส่วนต่าง ๆ (Vulgaris  Type)  ด่างขาวที่ปลายมือ  Nitrogen)  เป็นการรักษาทางเลือกหนึ่งส าหรับ

                  เท้าและใบหน้า (Acrofacial Type) และด่างขาว  ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยวิธี
                                          1
                 เกือบทั้งตัว (Universal  Type)  ด้วยเหตุที่ผิวมี  มาตรฐานโดยเฉพาะโรคด่างขาวชนิดปลายมือเท้า
                                                            5
                 ลักษณะแตกต่างจากผิวบริเวณข้างเคียง จึงส่งผล    โดยกลไกการออกฤทธิ์เริ่มจากถูกการพ่นความ
                  กระทบต่อคุณภาพชีวิต และจิตใจของผู้เป็นโรค  เย็นที่ผิวหนังบริเวณเป้าหมายจนกลายเป็นความ
                                3,4
                 ด่างขาวจ านวนมาก                           ร้อน (Heat  Transfer)  ท าให้เซลล์เกิดความ
                        โรคด่างขาวชนิดปลายมือ เป็นโรคด่าง   เสียหายจากการถูกแช่แข็งจนเกิดกระบวนการ

                 ขาวชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ และมักจะ  อักเสบของชั้นผิวหนัง และตอบสนองโดยการ
                               1
                 ลุกลามขึ้นเรื่อย ๆ  เป็นชนิดที่มีการพยากรณ์  กระตุ้นสร้างเม็ดสีขึ้นมา เริ่มจากแดงก่อนแล้ว
                 โรคไม่ดีและไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาด้วย   ค่อย ๆ คล้ าขึ้นซึ่งก๊าซไนโตรเจนเหลวเป็น

                 วิธีมาตรฐาน อาจต้องใช้การรักษาทางเลือกอื่น  การรักษาด้วยวิธีความเย็นที่ดี ซึ่งมีจุดเดือดต่ า
                  เพิ่มเติม เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีเม็ดสี   ใช้ง่าย จึงนิยมใช้มากกว่าการรักษาด้วยวิธีความ

                  (Melanocyte)  อยู่น้อยทั้งในส่วนของความ   เย็นชนิดอื่น เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
                 หนาแน่นของเม็ดสี ปริมาณเซลล์ต้นก าเนิด     ไนตรัสออกไซด์ เป็นต้น ซึ่งมีจุดเดือดที่สูงกว่า
                                                                            14
                 (Stem Cell) และปัจจัยกระตุ้นเซลล์ต้นก าเนิด   ประสิทธิผลน้อยกว่า
                                 5
                 (Stem Cell Factor)


               48 >> เชียงรายเวชสาร :: CHIANGRAI MEDICAL JOURNAL
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53