Page 21 - สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
P. 21
สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
ปานสติแล้วอย่างนี้ ท าให้มากแล้วอย่างนี้ชื่อว่าบ าเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ อันเป็นโคจรที่เธอ
ควรไป อย่าได้เผลอท่องเที่ยวไปในที่อโคจรนั่นคือกามคุณ ๕ อันได้แก่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อัน
น่ารัก น่าใคร่น่าปรารถนา เธอจงก าหนดรู้ด้วยปัญญาไว้ว่ารูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง
สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็น
อนัตตา “นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา”. เมื่อเธอเปี่ยมด้วยปัญญาอัน
เปรียบดังแสงสว่าง ที่เป็นอาวุธชั้นยอดตัดวงจรลวงอันมืดบอดนี้ลงได้อย่างเด็ดขาดมั่นคงด้วยพลังแห่ง
การปล่อยวางอันทรงพลัง เธอย่อมถึงที่สุดแห่งทุกข์ ข้ามฝั่งสงสารอันเป็นโลกีย์ไปได้ พ้นจากโลกทั้งสาม
ตามรอยบาทพระศาสดา ข้ามสู่โลกุตระอันมั่นคง อันเป็นภาวะที่ไม่ปรากฏการเกิด ไม่ปรากฏการเสื่อม
ไม่ปรากฏการดับ มันอยู่ระหว่างเกิดกับดับเป็นช่องว่างในที่แคบ แต่มีทางเข้าถึงได้โดยรอบ เธอจักได้ลิ้ม
รสบรมสุขอันเป็นอมตะแท้จริง เธอจักมีความเพียรปฏิบัติบ าเพ็ญดังนี้บ้างไหมหนอ
เธอจงรู้ไว้ว่าเพราะเหตุ ๓ ประการมีอยู่คือ ชาติ(การเกิด) ชรา (ความเสื่อม) มรณะ(ความแตกดับ
หรือตาย) มีอยู่ ตถาคตจึงอุบัติขึ้น เพื่อพาสัตว์ทั้งหลายให้พ้นไปจากเหตุทั้งสามนี้ อะไรก็ตามที่เธอกระท า
ถ้าไม่ได้เป็นไปเพื่อความพ้นจากเหตุทั้ง ๓ คือ ชาติ ชรา มรณะ เธอจงหยุดไตร่ตรองเสีย แล้วทบทวนใหม่
จะได้ไม่เสียรอบการเกิด ให้เธอตระหนักไว้เสมอว่าเราเกิดมาเพื่อหาที่สุดแห่งทุกข์มิใช่เกิดมาเพื่อการอื่น
การได้อัตภาพความเป็นมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ตถาคตเปรียบไว้ว่า ถ้าน้ าท่วมโลกทั้งใบแล้วมีแอกรู
เดียวลอยอยู่ในน้ านั้นหนึ่งอันและมีเต่าตาบอดตัวหนึ่งร้อยปีจึงจะโผล่ขึ้นมาหายใจครั้งหนึ่ง เต่าตาบอดที่
ร้อยปีจะโผล่ขึ้นมาหายใจครั้งหนึ่งนั้น สอดคอเข้าไปในรูแอกนั้นได้พอดี นั่นแหละโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์
มีประมาณเท่านี้ หวังว่าเธอคงจะเข้าใจ
ขอเป็นก าลังใจให้เธอจงได้ดีในลาภ พ้นไปจากโลกทั้งสามตามรอยบาทพระศาสดาได้ในภพปัจจุบันนี้
ขออนุโมทนา
~ ๒๐ ~ หญ้าพันปี