Page 20 - สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
P. 20
สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
ในเวลานั้นผู้ปฏิบัติจึงชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกาย มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ ก าจัดความพอใจและ
ไม่พอใจในโลกเสียได้แล้วตั้งอยู่
๒.เมื่อใดผู้ปฎิบัติตระหนักอยู่ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้ปีติ หายใจออก ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้ปีติ
หายใจเข้า ตระหนักอยู่ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้สุข หายใจออก ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้สุข หายใจเข้า
ตระหนักอยู่ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้จิตสังขาร หายใจออก ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้จิตสังขาร หายใจเข้า
ตระหนักอยู่ว่าเราจะระงับจิตสังขาร หายใจออก ว่าเราจะระงับจิตสังขาร หายใจเข้า ในเวลานั้นผู้ปฎิบัติ
ชื่อว่าพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ ก าจัดความพอใจและไม่พอใจในโลก
เสียได้อยู่ดังนี้ ตถาคตกล่าวว่าการใส่ใจลมหายใจออกลมหายใจเข้าเป็นอย่างดีนี้ ว่าเป็นเวทนาชนิดหนึ่ง
ในพวกเวทนา เพราะฉะนั้นในเวลานั้น ผู้ปฎิบัติจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา มีความเพียร
รู้สึกตัวมีสติ ก าจัดความพอใจและไม่พอใจในโลกเสียได้แล้วตั้งอยู่ดังนี้
๓. เมื่อใดผู้ปฎิบัติตระหนักอยู่ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้จิต หายใจออก ว่าเราจะเป็นผู้ก าหนดรู้จิต
หายใจเข้า ตระหนักอยู่ว่าเราจะท าจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจะท าจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า ตระหนัก
อยู่ว่าเราจะตั้งจิตมั่น หายใจออก ว่าเราจะตั้งจิตมั่น หายใจเข้า ตระหนักอยู่ว่าเราจะเปลื้องจิต หายใจ
ออก ว่าเราจะเปลื้องจิต หายใจเข้า ในเวลานั้นผู้ปฎิบัติชื่อว่าพิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร
รู้สึกตัว มีสติก าจัดความพอใจและไม่พอใจในโลกเสียได้อยู่ดังนี้ ตถาคตไม่กล่าวอานาปานสติแก่ผู้เผลอ
สติไม่รู้สึกตัวอยู่ เพราะฉะนั้นในเวลานั้นผู้ปฎิบัติจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว
มีสติก าจัดความพอใจและไม่พอใจในโลกเสียได้แล้วตั้งอยู่ดังนี้
๔. เมื่อใดผู้ปฎิบัติตระหนักอยู่ว่าเราจะเป็นผู้ตามพิจารณาความไม่เที่ยง หายใจออก ว่าเราจะ
เป็นผู้ตามพิจารณาความไม่เที่ยง หายใจเข้า ตระหนักอยู่ว่าเราจะเป็นผู้ตามพิจารณาความคลายก าหนัด
หายใจออก ว่าเราจะเป็นผู้ตามพิจารณาความคลายก าหนัด หายใจเข้า ตระหนักอยู่ว่าเราจะเป็นผู้ตาม
พิจารณาความดับกิเลส หายใจออก ว่าเราจะเป็นผู้ตามพิจารณาความดับกิเลส หายใจเข้า ตระหนักอยู่
ว่าเราจะเป็นผู้ตามพิจารณาความสละคืนกิเลส หายใจออก ว่าเราจะเป็นผู้ตามพิจารณาความสละคืน
กิเลส หายใจเข้า ในเวลานั้นผู้ปฎิบัติชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรม มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติก าจัด
ความพอใจและไม่พอใจในโลกเสียได้แล้วตั้งอยู่ดังนี้ เธอเห็นการละความพอใจและไม่พอใจด้วยปัญญา
แล้ว ย่อมเป็นผู้วางเฉยได้ดี เพราะฉะนั้นในเวลานั้นผู้ปฎิบัติจึงชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรม มีความ
เพียรรู้สึกตัว มีสติ ก าจัดความพอใจและไม่พอใจในโลกเสียได้อยู่ดังนี้ ตถาคตตรัสว่าการเจริญอานา
~ ๑๙ ~ หญ้าพันปี