Page 17 - สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
P. 17

สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์



               พระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลกเป็นสารถีฝึกบุรุษ

               ที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จ าแนกพระ

               ธรรม ตถาคตพระองค์นั้นทรงท าโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอัน

               ยิ่งของพระองค์เองแล้ว  ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม  ทรงแสดง

               ธรรมสมบูรณ์พร้อมในเบื้องต้น  สมบูรณ์พร้อมในท่ามกลาง  สมบูรณ์พร้อมในที่สุด  ทรงประกาศ

               พรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ  พร้อมทั้งพยัญชนะ  บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง    ๒.เชื่อในพระธรรม  ว่าเป็นสิ่งที่

               ตถาคตได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติสามารถเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผล


               ได้ ไม่จ ากัดกาลเวลา  เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่ง

               ที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ๓.เชื่อในพระสงฆ์สาวกของตถาคต ว่าเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว เป็นผู้

               ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว เป็นผู้ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุคคล

               สี่คู่  ถ้านับเรียงตัวบุคคลได้แปดนั่นแหละ  คือสงฆ์สาวกของตถาคต  เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาน ามา

               บูชาเป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ  เป็นสงฆ์ควรรับทักษิณาทานเป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปจะพึง

               ท าอัญชลี เป็นสงฆ์ที่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่าดังนี้ แล้วเธอจงประพฤติให้เว้นขาดจากเวร

               ภัยห้าประการคือ เว้นขาดจากการท าชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เว้นขาดจากการเอาสิ่งของที่เขามิได้ให้ เว้นขาด

               จากการประพฤติผิดในกาม  เว้นขาดจากการพูดเท็จ  เว้นขาดจากการดื่มสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความ

               ประมาท  แล้วเดินตาม  “ทางสายเก่า”  อันประกอบด้วยปัญญา  ศีล  สมาธิ  อันมีพระศาสดาผู้ด าเนินไป


               แล้วด้วยดี ด้วยมีสัมมาทิฐิความเห็นชอบในความรู้ทุกข์ ในเหตุแห่งทุกข์ ในความดับแห่งทุกข์ ในหนทาง

               ไปสู่ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์นี่คืออริยสัจสี่เป็นปัญญาเห็นถูกต้อง   มีสัมมาสังกับโปความด าริชอบ

               ด้วยความตั้งใจออกจากกาม  (ประพฤติพรหมจรรย์)  ตั้งใจในความไม่พยาบาท  ตั้งใจในความไม่

               เบียดเบียน  อันเป็นกุศลสังกัปปะที่เป็นปัญญา  มีสัมมาวาจาด้วยวาจาชอบอันได้แก่  เจตนางดเว้นจาก

               พูดเท็จ งดเว้นจากพูดส่อเสียด งดเว้นจากพูดค าหยาบ งดเว้นจากพูดเพ้อเจ้อ เหล่านี่คือวจีสุจริตถือเป็น

               ศีลที่พึงมี มีสัมมากัมมันโต ความประพฤติการกระท าชอบ ได้แก่ เจตนางดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้น

               จากการถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้  งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย  เหล่านี้คือกายสุจริตอัน

               เป็นศีล มีสัมมาอาชีโว ละการประกอบอาชีพที่ผิด ได้แก่ การโกง การล่อลวง การปริ้นปร้อน ยอมมอบ

               ตนในทางผิด เอาลาภต่อลาภ แล้วด ารงชีวิตอยู่ด้วยการประกอบอาชีพที่สุจริต คือเป็นผู้อาชีวะสุจริต  มี


               สัมมาวายาโมความพากเพียรชอบ ท าความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อป้องกันมิให้อกุศลอันเป็น

               บาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น  เพียรพยายามเพื่อละอกุศลอันเป็นบาปที่เกิดขึ้นแล้ว  เพียรพยายามเพื่อให้





                                                           ~ ๑๖ ~                                                                                                      หญ้าพันปี
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22