Page 12 - สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
P. 12

สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์



               เหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เสด็จอุบัติในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วย

               วิชชา และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลกเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของ

               เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เป็นผู้เบิกบานแล้ว  เป็นผู้จ าแนกพระธรรม  พระตถาคตพระองค์นั้น  ทรงท า

               โลกนี้พร้อมทั้งเทวโลกมารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เองแล้ว ทรงสอน

               หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม         ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น        งามใน

               ท่ามกลางงามในที่สุด  ทรงประกาศพรหมจรรย์  พร้อมทั้งอรรถ  พร้อมทั้งพยัญชนะ  บริสุทธิ์  บริบูรณ์

               สิ้นเชิง ศึกษาศีลสัมปทาตามผู้ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นผู้งดเว้น จากปาณาติบาต ฯลฯ เป็นผู้งดเว้นจากการ

               ดื่มน้ าเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ศึกษาจาคะสัมปทาตามผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ

               มีจิตปราศจากมลทินคือความตระหนี่  อยู่ครองเรือน  มีจาคะอันปล่อยแล้ว  มีฝ่ามือชุ่มยินดีในการสละ

               ควรแก่การขอ  ยินดีในการจ าแนกทาน  ศึกษาปัญญาสัมปทาตามผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาเป็นผู้มีปัญญา

               คือประกอบด้วยปัญญาที่เห็นความเกิดและความดับ  เป็นอริยะ  ช าระกิเลส  ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ


               นี่คือกัลยาณมิตตตาที่เธอควรคบหา        เธอจงด าเนินชีวิตไปโดยมีสติเถิดเพราะไม่มีเครื่องน าทางชนิดใด

               เสมอด้วยสัมมาสติ  อันเป็นในภายในที่เป็นกองกุศลอันแท้จริงคือ  กายในกาย  เวทนาในเวทนา  จิตในจิต

               ธรรมในธรรม  เธอจงมีจิตระลึกไว้เช่นนี้ตลอดไป  ผูกมันไว้กับเสาหลักทั้งสี่นี้อย่างมั่นคง  เธออย่าได้

               ท่องเที่ยวไปในถิ่นอื่นนอกจากที่ทั้งสี่แห่งนี้  อันเป็นสถานที่ที่พญามารพร้อมเหล่าเสนามิอาจมาผจญเธอ

               ได้ตลอดกาล



                           ชีวิตของมนุษย์นั้นแสนสั้น  โอกาสหรือเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันนั้นมีน้อยนิด  เธอจงอยู่อย่างเกื้อกูล

               ให้อภัยซึ่งกันและกัน สรรพชีวิตทั้งหลายเกิดมาแล้วล้วนมีกรรมคือการกระท าและมีผลของการกระท าเป็น

               ของตนเอง  ใครกระท ากรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้น  เป็นชาวนาก็เพราะกรรม  เป็นข้าราชการก็

               เพราะกรรม เป็นคนรวยก็เพราะกรรม เป็นคนจนเข็ญใจก็เพราะกรรม ทุกชีวิตต่างก็มีวิถีชีวิตไปตามวิบาก

               กรรมของตน  ด ารงอยู่ด้วยตนเอง  แสวงหาสิ่งถูกใจให้กับตนเอง  มีความปรารถนาให้ตนเองเป็นที่รักของ

               ผู้อื่น ต้องการให้ผู้อื่นยกย่อง อยากมีความส าคัญ และชอบสบายแต่ขี้เกียจ เมื่อเธอเข้าใจดั่งนี้แล้วเธอจง


               ปฏิบัติต่อผู้อื่นตามที่เขามีความปรารถนาเถิด  แต่เธออย่าลืมว่าอาหารอันโอชะส าหรับอีกบุคคลหนึ่งอาจ

               เป็นยาพิษส าหรับอีกบุคคลหนึ่งก็ได้  อันหมายความว่าบุคคลมีความแตกต่างกัน  เธอจงปฏิบัติต่อเขา

               เหล่านั้นแตกต่างกันโดยปราศจากอคติคือความล าเอียงทั้งสี่ ได้แก่ อคติเพราะรัก อคติเพราะชัง อคติ

               เพราะกลัว อคติเพราะหลง เหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ในใจเธอ เรามิอาจด ารงอยู่ได้โดยไม่พึ่งพาผู้อื่น เธอจงรัก

               ผู้อื่นให้เป็น รู้จักยกย่องผู้อื่น ให้ความส าคัญกับเขาเหล่านั้น   แบ่งเบาภาระเขา ให้เขาสุขสบาย  แล้วเธอ




                                                           ~ ๑๑ ~                                                                                                      หญ้าพันปี
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17