Page 14 - สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
P. 14
สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
สรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน กลางวันและกลางคืนก็เป็นอันเดียวกัน หากพียงแต่แบ่งหน้าที่กัน
ท าเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันไม่ได้มีทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ได้มีดวงอาทิตย์ขึ้นหรือดวงอาทิตย์ตก มัน
เป็นเพียงผลที่ได้จากการหมุนรอบตัวเองของโลกเท่านั้นเอง เธออย่าได้หลงกลลวงอันนี้เลย
ภายใต้อวิชชาคือความไม่รู้ในอริยสัจทั้งสี่ สัตว์จึงเวียนวนอยู่ในสมมติสัจจะนี้ ทุกสิ่งมีอยู่ตาม
สมมติ ไร้ซึ่งสมมติย่อมไม่มีสิ่งใด ไม่มีอะไรถูกไม่มีอะไรผิด ถูกผิดอยู่ที่การยอมรับหรือไม่ยอมรับของ
สังคมนั้นนั้นหรือบางช่วงเวลา แล้วแต่จะสมมติกันว่าอย่างไร ยอมรับกันอย่างไรต่างหาก เธอจงเรียนรู้มัน
แต่อย่าให้มันเรียนรู้เธอ จงจ าไว้ว่า “เราเป็นเด็กเสมอส าหรับการเรียนรู้” บนโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
จะมีสิ่งใหม่ๆ ที่ถูกค้นพบออกมาให้เธอได้เรียนรู้มันอย่างไม่หยุดหย่อน เธอจงเรียนรู้ให้เร็วและปรับตัวให้
ทันกับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วให้ได้ แล้วรู้จักใช้ประโยชน์จากมันให้มันมาอ านวยความสะดวกในการ
ด ารงอยู่ชั่วขณะของเธอนี้ให้ได้อย่าได้ตกเป็นทาสมัน เธอจงสังวรไว้ว่าเธอจงใช้คุณค่าจากมันมากกว่าจะ
ไปหลงใหลในมูลค่าและรูปลักษณะอันเป็นภายนอกของมัน ดังเช่นแก้วเจียรนัยกับกระบอกไม้ไผ่ เธอคงรู้
ว่ามูลค่านั้นต่างกันมากนัก แต่ว่าคุณค่านั้นเสมอกันคือส าเร็จประโยชน์ ด้วยการใส่น้ าดื่มกินได้ดุจ
เดียวกัน เธอจงด ารงอยู่กับมันอย่างมีสติแล้วเธอจะเดินไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดโปร่ง จงตระหนักไว้
ว่าไม่มีอะไรด ารงอยู่ ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรสูญสลายไป ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เป็น
ธรรมชาติธรรมดาของมันอย่างนั้น อะไรๆ อันผัสสะกระทบมันทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจของเธอ โดย
มีจักขุวิญญาณรับรู้รูปทางตา มีโสตวิญญาณรับรู้เสียงทางหู มีฆานวิญญาณรับรู้กลิ่นทางจมูก มีชิวหา
วิญญาณรับรู้รสทางลิ้น มีกายวิญญาณรับรู้โผฏฐัพพะทางกาย มีมโนวิญญาณรับรู้ธรรมารมณ์ทางใจ ยิ่ง
~ ๑๓ ~ หญ้าพันปี