Page 8 - สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
P. 8

สัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์



                                                                       เธอรู้ไหมการได้มาซึ่งอัตภาพของสัตว์ในโลกทั้ง

                                                              สาม  ตถาคตตรัสไว้ว่ามีสี่แบบคือ  หนึ่งเกิดจากครรภ์

                                                              สองเกิดจากไข่  สามเกิดจากสิ่งโสโครกเถ้าไคลและสี่

                                                              เกิดแบบโอปาติกะคือเกิดขึ้นโดยพลัน  ซึ่งความส าเร็จ

                                                              ของอัตภาพนั้นมีได้สามทางคือ  อัตภาพที่ส าเร็จด้วย

                                                              กามธาตุ(ดิน  น้ า  ไฟ  ลม)๑  อัตภาพส าเร็จได้ด้วยใจ๒

                                                              อัตภาพส าเร็จได้ด้วยสัญญา๓    ตถาคตเล่าให้ภิกษุ


                                                              ทั้งหลายฟังว่าเทวดาเมื่อจะจุติคือตาย      เหล่าเทวดา

                                                              ด้วยกันก็จะมาอวยพรให้กันว่า “ขอให้ท่านไปสู่สุขคติ

                                                               เมื่อไปสู่สุขคติแล้วขอให้ท่านจงได้ลาภและให้ได้ดี
               ในลาภนั้น  แล้วจงกลับมาเป็นเทวดาอีก”  ความเป็นมนุษย์นั่นแหละคือสุขคติของเทวดา  ลาภของ


               เทวดาคือการได้พบพุทธศาสนา  และได้ดีในลาภคือความมีศรัทธาหยั่งลงมั่นอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม

               ค าสอนของตถาคต  การได้อัตภาพของความเป็นมนุษย์นั้นได้มาแสนยาก  การได้พบค าสอนตถาคตยาก

               กว่า  แต่การเข้าใจในค าสอนและน ามาถือปฏิบัติตามจนบรรลุผลยากยิ่งกว่ามากนัก  เธอจงรู้ด้วยว่าสาม

               สิ่งคือ  ๑.การที่พระตถาคตจะอุบัติขึ้นในโลก  ๒.การได้ก าเนิดเป็นมนุษย์  ๓.ได้ฟังการแสดงพระสัทธรรม

               สามสิ่งนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกัน  หาได้ยากในโลกปุถุชนผู้ไม่เคยได้รับฟังพระสัทธรรมจึงพากันมุ่งท าแต่

               กิจการงานอันเป็นโลกๆ  จนไม่รู้ว่าเวลาไหนควรหรือไม่ควรในการประพฤติพรหมจรรย์  เธอจะรู้

               ไหมหนอว่านี่คือโอกาสอันควร  บัดนี้ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้  เป็นพระอรหันต์  ตรัสรู้เองโดยชอบ  ถึง


               พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ  เสด็จไปดีแล้ว  ทรงรู้แจ้งโลก  เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า  เป็น

               ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เป็นผู้เบิกบานแล้ว  เป็นผู้จ าแนกธรรม  และธรรมอันตถาคตทรง

               แสดงย่อมน าความสงบมาให้  เป็นไปเพื่อปรินิพพานให้ถึงการตรัสรู้  อันตถาคตประกาศแล้ว  เธอรู้ไว้ด้วย

               ว่าสัตว์ไม่ได้มีโอกาสหรืออยู่ในฐานะที่จะประพฤติพรหมจรรย์ด้วยเหตุ  ๘  ประการ  ๑.เกิดเป็นสัตว์นรก

               เสียก่อน ๒.ไปสู่ก าเนิดสัตว์เดรัจฉาน ๓.เกิดเป็นเปรตวิสัย    ๔.เกิดเป็นเทวดาผู้มีอายุยืนชั้นใดชั้นหนึ่ง ๕.

               เกิดในถิ่นทุรกันดารชายแดนและอยู่ในพวกป่าเถื่อนไม่รู้ดีรู้ชั่วอันเป็นสถานที่ไม่มีภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก

               อุบาสิกาไปมา  ๖.เกิดในถิ่นเจริญใจกลางประเทศแต่เขาเป็นมิจฉาทิฐิมีความเห็นวิปริตว่า  ทานที่ให้แล้ว

               ไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้า

               ไม่มี  มารดาไม่มี  บิดาไม่มี  สัตว์ทั้งหลายที่ผุดเกิดขึ้นโดยพลันไม่มี  สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ






                                                           ~ ๗ ~                                                                                                      หญ้าพันปี
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13