Page 44 - Bang rak111
P. 44
37
1. ประวัติความเปนมา
เปนมัสยิดที่2 ของประเทศไทย โดยตั้งชื่อเพื่อเปนเกียรติแกผูเปนบิดาของฮัจยียูซุบ
บาฟาเด็ล คือ เช็ค ฮารูณบาฟาเด็ล ตั้งแตวันนั้นมาเมื่อกวา 150 ปกอนหรืออาจจะกวา 200 ปกอน
ดวยซ้ําไป มีหมูบานที่ตั้งอยูริมฝงแมน้ําเจาพระยาฝงตะวันออก(ที่เปนสถานีตํารวจดับเพลิบางรักใน
ปจจุบัน) มีชื่อวาหมูบานตนสําโรง ไมสามารถคนควาไดวาหมูบานนี้มีมาตั้งแตยุคใดสมัยใดเลาตอกัน
มาหลายชั่วคนวาเปนหมูบานที่มีชาวไทย นับถือศาสนาอิสลามอาศัยอยูที่ริมฝงแมน้ําเจาพระยาแหงนี้
มีมัสยิดหลังหนึ่งสรางดวยไมอยูที่นี่ มัสยิดริมฝงแมน้ําแหงนี้จึงถูกเรียกกันตามชื่อของหมูบานคือ
มัสยิดตนสําโรง ไมมีใครทราบขอเท็จจริงวาทําไมหมูบานนี้ และมัสยิดหลังนี้จึงถูกเรียกชื่อวา“ตน
สําโรง” (อาจจะมีตนไมชนิดหนึ่ง ที่เรียกวาตนสําโรงอยูในบริเวณนั้น) มัสยิดนี้เปนตนกําเนิดของมัสยิด
ฮารูณ และ มีความเปนมาจากการบันทึกของ นายวิทยา เรสลี ผูพยายามคนควาหาขอมูล และ
ประวัติของบรรพบุรุษของตนเองจึงเปนประวัติศาสตรที่เกี่ยวพันกับมัสยิดฮารูณอยางนาสนใจกวา
150 ปมาแลวขณะนั้นมีหมูบานตนสําโรง และ มัสยิดตนสําโรงอยูแลว เมื่อ ฮ.ศ.1257(ป พ.ศ.2380)มี
ชายผูหนึ่งชื่อ มูซา บาฟาเด็ล เปนชาวอินโดนีเซีย เชื้อสายอาหรับหรือเปอรเซีย บานเกิดที่เมืองปนติ
ยานะห อยูทางใตของเกาะบอรเนียว เปนพอคาวาณิชย ทําการคาโดยทางเรือ ใชเรือใบเปนพาหนะ
เดินทางคาขายระหวางประเทศสยาม มาลายู และอินโดนีเซีย มีความสนใจในประเทศสยามเปนพิเศษ
เดินเรือทําการคาไปๆ มาๆ เปนเวลาหลายแรมป ในขณะลองเรือคาขายก็ไดสอดสองตามริมแมน้ํา
เจาพระยาเรื่อยมา ตองการหาทําเลที่เหมาะสมตามที่ใจรักเพื่ออนาคตและสวนหนึ่งคือการธรรมจาริก
ศาสนาอิสลามไปดวย สุดทายจึงตัดสินใจขึ้นฝงตั้งถิ่นฐานถาวรยังริมชายฝงแมน้ําเจาพระยา ทางทิศ
ตะวันออกซึ่งมีชื่อเรียกในสมัยนั้นวา “หมูบานตนสําโรง”
ในระหวางที่เดินเรือทําการคาระหวางประเทศอยูนั้น ไดนําบุตรชายทั้ง 3 คนติดตามผู
เปนบิดาไปดวยตลอดมา มีความประสงคเพื่อฝกฝนใหมีความรู ความชํานาญ ในการคามากยิ่งขึ้นเพื่อ
ไดเจริญรอยตามบิดาภายหนาตอไป บุตรชายทั้ง 3 มีนามวา ฮารูณอุสมาน และอิสฮาก เมื่อตั้งถิ่นฐาน
และเรียนทําการคาจากผูเปนบิดาแลว บุตรทั้ง3จึงไดเดินทางทําการคาดวยความสามารถของตนเอง
อุสมาน มุงหนาไปทําการคา ยังประเทศมาเลเซีย รัฐเคดะหอลอสตาร เปนเมืองที่ใกล
ชายแดนประเทศสยาม ตอมาก็ไดภรรยาที่นั่น และตั้งถิ่นฐานอยูที่นั่นอิสฮาก ไดเดินทางไปคาขายยัง
ประเทศเขมร และไดตั้งถิ่นฐานอยูยังประเทศเขมร ฮารูณ บุตรชายผูนี้ก็เดินทางคาขายระหวาง
ประเทศสยาม และมาลายูไปๆ มาๆ และขออาศัยอยูรวมกับบิดายังประเทศสยาม และเปนผูดูแล
การคาแทนบิดาตลอดมา ไดเดินทางทําการคาระหวางเมืองบางกอก (กรุงเทพมหานคร) กับกรุงเกา
(อยุธยา) ระหวางขึ้นๆ ลองๆ ทําการคาไดพบหญิงกรุงเกาผูหนึ่งมีนามวาอําแดงพุม ภายหลังจึงได
แตงงานกัน ตอมาจึงไดกําเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ไดตั้งชื่อวา “มูฮัมหมัดยูซุบ”
หลังจากทานมูซา บาฟาเด็ลบิดาของฮารูณ ไดถึงแกกรรมแลวที่หมูบานตนสําโรง ฮารูณ
ผูเปนบุตรชายคนเดียวที่อยูในประเทศสยาม จึงเปนผูรับชวงดูแลทรัพยสินทั้งหมดของบิดาแตผูเดียว
ตลอดมา และไดเลี้ยงดูบุตรชายของทานคือ “มูฮัมหมัดยูซุบ” เปนอยางดีจนกระทั่งเปนหนุม วันที่ 12
เดือน รอบิอุลเอาวัล ฮ.ศ.1299 (ปพ.ศ.2422) ทานไดทําบุญ และไดเชิญแขกระดับผูใหญของหมูบาน
ตางๆ มาดวย เมื่อหลังจากเลี้ยงอาหารแลวจึงประชุมระดับผูใหญใหเปนพยาน เนื่องดวยวันนี้ ทานมี
ความประสงคจะทําบันทึกพินัยกรรมมอบหมายใหบุตรชายคนเดียวของทาน คือ “มูฮัมหมัดยูซุบ”