Page 69 - รายงานวิจัยน้ำทะเล_Neat
P. 69
59
เกิดขึ้นแบบกะทันหัน ทั้งนี้ความตระหนักจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องอาศัยองค์ประกอบจากสิ่งแวดล้อม รอบตัว
การกระท าในอดีตและสิ่งที่ส่งผลกับอารมณ์และความรู้สึก เป็นต้น โดยทั้งหมดที่เป็นองค์ประกอบจะ
เป็นผลของการกระท าที่เกิดขึ้นซึ่งเรียกได้ว่า “ความตระหนัก”
9.2 กระบวนการเกิดความตระหนัก
Good (อ้างถึงใน วีระชน ขาวผ่อง, 2551: 42) กล่าวถึง กระบวนการเกิดความ
ตระหนักว่าเป็นผลมาจากกระบวนการทางปัญญา (Cognitive process) กล่าวคือเมื่อบุคคลได้รับการ
กระตุ้นจากสิ่งเร้าหรือรับสัมผัสจากสิ่งเร้าแล้วจะเกิดการรับรู้ เมื่อรับรู้ขั้นต่อไปก็จะเข้าใจในสิ่งเร้านั้น
คือ เกิดความคิดรวบยอดและน าไปสู่การเรียนรู้คือมีความรู้ในสิ่งนั้นและน าไปสู่การเกิดความตระหนัก
ในที่สุด ซึ่งความรู้และความตระหนักต่างก็จะน าไปสู่การกระท าหรือการแสดงพฤติกรรม ของบุคคลต่อ
สิ่งเร้านั้นๆ
กล่าวโดยสรุป กระบวนการเกิดความตระหนัก เกิดจากการที่บุคคลได้รับการ
กระตุ้นจากสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อมแล้วเกิดการเรียนรู้ แล้วน าไปสู่การเรียนรู้ และความตระหนัก
ตามล าดับ ซึ่งการเรียนรู้และเกิดความตระหนักจะน าไปสู่ความพร้อมที่จะแสดงการกระท าหรือแสดง
พฤติกรรมต่อไป
9.3 ความส าคัญของความตระหนัก
Benjamin (อ้างถึงใน ศิริกาญจน์ ศิริเลข, 2551) ได้แบ่งพฤติกรรมออกเป็น
3 ประเภท คือ พุทธพิสัย (Cognitive Domain) เจตพิสัย (affective Domain) และทักษะพิสัย
(Psychomotor Domain) ดังนั้น การศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทั้ง 3 ประเภท
ข้างต้น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวจะเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมา 3 ด้าน คือ ความรู้ (Knowledge) ทัศนคติ
(Attitude) และการปฏิบัติ (Practice) ตามล าดับ ในส่วนของความตระหนัก ซึ่งเป็นพฤติกรรมอย่าง
หนึ่งของพฤติกรรมด้านเจตคตินั้นจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันทั้ง 3 ประเภท คือ พฤติกรรมด้าน
ทักษะพิสัยซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกและสังเกตได้นั้นจะต้องอาศัยพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย และ
พฤติกรรมด้านเจตพิสัยเป็นส่วนประกอบ (ประภาเพ็ญ สุวรรณ, 2526) ซึ่งจะเป็นได้ว่าความตระหนัก
เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสัมพันธ์กับการปฏิบัติของบุคคล กล่าวคือ เมื่อบุคคลได้รับการกระตุ้นจาก
สิ่งเร้าต่างๆ อันได้แก่ ความรู้ข้อเท็จจริง ตลอดจนประสบการณ์ต่างๆ จะส่งผลให้บุคคลนั้นเกิดความ
ตระหนักและทัศนคติตลอดจนเกิดการปฏิบัติในที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีของโคลเบอร์ก (Lawrance
Kohlberg) ที่กล่าวว่า คนมีจิตส านึกและมีเหตุผลในการปฏิบัติหลักจริยธรรมอยู่ 6 ระดับ ได้แก่ ปฏิบัติ
ตามเพราะความกลัวได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ต้องการให้ผู้อื่นยอมรับว่าเป็นคนดี สิ่งนั้นเป็นกฎเกณฑ์
ของสังคมที่จะต้องท าตาม ตระหนักถึงหลักการที่จะต้องท าตามค ามั่นสัญญา และปฏิบัติตามเพราะ
มีความส านึกรับผิดชอบชั่วดี ผู้ที่ได้รับพัฒนาจริยธรรมจนถึงระดับที่ 6 เป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์
ไม่ท าลายทรัพยากรธรรมชาติ และไม่ท าให้สิ่งแวดล้อมเกิดความเสื่อมโทรม แต่การที่จะก้าวไปถึง
จริยธรรมขั้นที่ 6 ได้นั้น ควรด าเนินการตามแนวทาง ดังนี้
9.3.1 ปลูกฝังความรู้สึกเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติรวมกัน ถ้าคนคิดได้ว่า
ธรรมชาติคือสิ่งที่มีความส าคัญต่อชีวิต ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน คนก็จะช่วยกันดูแลไม่ท าลาย
ไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ดังกล่าว