Page 49 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 49
๔๕
ทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรมและการส่งออกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอาจกล่าวได้ว่าในช่วงของการใช้
แผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ตามแผนพัฒนาฯตั้งแต่ฉบับแรก(พ.ศ.๒๕๐๔-๒๕๐๙) จนถึง
แผนพัฒนาฯฉบับที่ ๕ (พ.ศ.๒๕๒๖-๒๕๓๔)ประเทศไทยประสบความส าเร็จพอสมควรในเรื่องการ
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวจะเป็นไปอย่างเข้มข้นตามภาวะของกระแส
ทางเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนและขยายตัวตลอดเวลา ต่อมาในช่วงการใช้แผนพัฒนาฯฉบับที่ ๖ อัตรา
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้นอีกคือ เฉลี่ยถึงกว่าร้อยละ ๑๐ ต่อปี อัตราการเจริญเติบโตซึ่งเกิดขึ้น
อย่างต่อเนื่องนับแต่ปลายแผนพัฒนาฯฉบับที่ที่ ๕ จนถึงฉบับที่ ๖ นี้ได้ท าให้มูลค่าการส่งออกของสินค้า
อุตสาหกรรมมีมากกว่าสินค้าทางเกษตรกรรมครั้งแรก ดังนั้นฐานะของประเทศไทยในเศรษฐกิจโลกจึง
เปลี่ยนจากประเทศที่เคยมีสินค้าทางเกษตรกรรมมาเป็นสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก ขณะเดียวกันในต้น
ทศวรรษ ๒๕๓๐ ประเทศไทยก็เริ่มถูกกล่าวถึงในลักษณะที่ว่าก าลังเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีการ
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดในภูมิภาคเพรามีการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง หารกล่าวโดยรวมแล้ว
การใช้แผนพัฒนาฯของประเทศไทยที่ผ่านไปถึง ๗ ฉบับนั้น สังคมไทยประสบความส าเร็จพอสมควรในแง่
ของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ในทางกลับกันการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวทางนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหา
ตามมาหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเกิดช่องว่าง และความเหลื่อมล ้าระหว่างสังคมเมืองกับชนบท เพราะมี
ประชาชนจ านวนน้อยที่อยู่ในเมืองเท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์ในขณะที่ประชากรที่อยู่ในชนบทยังประสบ
กับปัญหาความยากจน และตกอยู่ในภาวะล้าหลังดังนั้นเมื่อมีการจัดท าแผนพัฒนาตามแนวทางที่ผ่านมา
กล่าวคือ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น ยังอยู่ในลักษณะกระจุกตัวและมีแนวโน้มว่าช่องว่างระหว่าง
คนจนและคนรวยในสังคมจะยิ่งขยายตัวออกไปอีก รายได้ของประชากรที่เมืองหลวงและปริมณฑลก็ยังสูง
กว่าคนในภูมิภาคอื่นๆขณะเดียวกันการมุ่งแข่งขันสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจยังก่อให้เกิดความย่อหย่อน
ทางศีลธรรมจรรยา ค่านิยมประเพณีและที่ส าคัญคือการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจที่ผ่านมายังท าให้
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงขาดการจัดการในเรื่องภูมิปัญญาของท้องถิ่น ท าให้การท า
แผนพัฒนาฯฉบับนี้จึงมุ่งเน้นมาที่การยึดตัวคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา
แม้ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจดังกล่าวข้างต้นจะท าให้ประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตทาง
เศรษฐกิจสูง แต่ช่วงทศวรรษ ๒๕๓๐ เป็นต้นมาประเทศไทยก็ประสบกับปัญหาหลายประการเนื่องจาก
โครงสร้างทางเศรษฐกิจภายในของไทยไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร ท าให้สังคมไทยเกิดวิกฤติขึ้นโดยเฉพาะตั้งแต่
พ.ศ.๒๕๔๐เกิดปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “วิกฤติของเศรษฐกิจฟองสบู่” ซึ่งเป็นสภาวการณ์ที่ราคาทรัพย์สิน ทั้ง
หลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ ถูกผลักดันให้สูงกว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยสาเหตุของ
สภาวการณ์ดังกล่าวนั้นมีล าดับขั้นตอนความเป็นมาอย่างซับซ้อน แต่อาจสรุปได้ว่าเป็นผลมาจากความคึกคัก