Page 48 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 48

๔๔




                        ต่อเนื่อง (พวงเพชร สุรัตนกวีกุล และพรภิรมย์ เชียงกูร , ๒๕๔๑ : ๒๖-๒๗) การใช้นโยบาย

               “ชาตินิยม” บังหน้าและใช้กลไกอ านาจรัฐสร้างอภิสิทธ์ให้แก่ธุรกิจในเครือข่ายและบุคลากรของสมาชิกกลุ่ม

               คณะราษฎรนี้นักวิชาการจึงเรียกว่า “ทุนนิยมโดยรัฐ” ส าหรับทุนนิยมโดยรัฐนี้ได้เติบโตมากขึ้นอีกเมื่อคน

               ไทยเชื้อสายจีนถูกตัดขาดออกจากเมืองแม่เนื่องจากปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีนไปสู่ระบบ
               คอมมิวนิสต์ การถูกตัดขาดดังกล่าวท าให้นายทุนจีนในไทยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเข้าเป็นผู้อยู่ภายใต้

               การอุปถัมภ์กลไกของรัฐแบบชาตินิยมอย่างเต็มตัวประมาณกันว่าในยุคนี้มีรัฐวิสาหกิจเกิดขึ้นมากกว่า ๑๐๐

               แห่งและมีบริษัทที่มีสมาชิกที่คณะราษฎรอุปถัมภ์อีกจ านวนมาก อย่างไรก็ตามรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ต่อมาก็

               ประสบปัญหาต่างๆ ทั้งค่าใช้จ่ายและการท างานที่ไร้ประสิทธิภาพ มีการทุจริต และเป็นแหล่งแสวง

               ประโยชน์ของผู้มีอ านาจ ดังนั้นจึงสิ้นเปลืองงบประมาณในการดูแลท าให้เศรษฐกิจไทยมีการเปลี่ยนแปลง

               อีกครั้งในสมัยของจอมพลสฤษดิ์ ธชะรัชต์ ซึ่งในยุคนี้แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลจะเน้นการพัฒนา

               ประเทศทางวัตถุแบบตะวันตก เช่น การสร้างถนน การไฟฟ้ า และเทคโนโลยีทั้งนี้เพระรัฐบาลมาความตื่น

               ตระหนกต่อภัยคอมมิวนิสต์ที่ก าลังคืบคลานเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ จอมพลสฤษดิ์  ธชะรัชต์ เชื่อว่า

               ลัทธิคอมมิวนิสต์นั้นได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศที่มีความยากจน ดังนั้นจึงต้องพัฒนาและยกระดับ

               ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชนบท ด้วยวิธีการพัฒนาประเทศให้ ทันมัยจะเป็นการสร้างความมั่นคงทางการ

               เมืองให้กับประเทศ


                     การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจแบบนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกามีบทบาทส าคัญในการด าเนินนโยบายวางแผน
               ผ่านธนาคารโลกเพื่อมาพัฒนาเศรษฐกิจของไทยโดย จอมพลสฤษดิ์ ธชะรัชต์ ได้สั่งให้มีการจัดตั้งสภา

               พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในพ.ศ. ๒๕๐๒ ท าหน้าที่ศึกษาภาวะทางเศรษฐกิจและร่าง

               แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔ -๒๕๐๙) ขึ้น ต่อจากนั้นรัฐบาลก็ได้สร้าง

               หน่วยงานและแผนงานต่างๆ เพื่อรองรับการพัฒนามีการกู้เงินจากต่างประเทศมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

               เช่น ถนน เขื่อน ไฟฟ้ า ประปา มีการใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิต ขณะเดียวกันก็มีการ

               เปิดกว้างทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับการเข้ามาลงทุนของโลกภายนอก (ทุนนิยม) และส่งเสริมให้เอกชนลงทุน

               ทางธุรกิจแทน รัฐบาลยังได้เตรียมแผนงานต่างๆต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เช่น การออกพระราชบัญญัติ

               งบประมาณพ.ศ. ๒๕๐๒ การจัดตั้งส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฯพ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นต้น

               อย่างไรก็ตามเมื่อรัฐได้ด าเนินนโยบายทางภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔-

               ๒๕๐๙) ผลที่ตามมาก็คือเกิดการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นพื้นฐานทางสังคม

               (Infra – Structure Facilities) เช่น การชลประทาน การพลังงาน รถไฟ โทรคมนาคม เป็นต้น ซึ่งรัฐเห็นว่าจะ
               มีความส าคัญต่อการการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวและเป็นการกระตุ้นการลงทุนทางเศรษฐกิจ การเร่งรัด


               พัฒนาประเทศในด้านดังกล่าว ท าให้รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้นตามเป้ าหมาย ซึ่งเป็นไปพร้อมกับการขยายตัว
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53