Page 7 - จากบุตรช่างสู่บัลลังก์ศาล
P. 7

นี้แล้ว คุณพ่อผมก็ยังเป็นคนที่ยิ้มได้อยู่ในทุกวัน มีความสุขกับการใช้ชีวิตตลอดมา   ดนตรีเสริมสร้างชีวิต

               ไม่ถือสาหาความคนที่มาท าร้ายคุณพ่อผมแต่อย่างใด และคุณพ่อผมก็เคยเล่าให้           มีวันหนึ่งเมื่อครั้งสมัยผมอยู่ชั้น ป.๖ เพื่อนของผมน าเครื่องดนตรีชิ้น
               ฟังเมื่อผมจ าความได้แล้วว่า พ่อไม่คิดจะเรียกร้องเงินค่าเสียหายจากเขาอีกแต่  ใหญ่ๆ ที่เรียกว่า “กีต้าร์” มาเล่นที่โรงเรียน เพื่อนๆ ต่างล้อมวงร่วมกันร้องเพลง

               อย่างใดเลย เงินค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลที่ได้ตอนนั้นก็เป็นเงินที่ได้จาก
                                                                                         กันอย่างสนุกสนาน ผมก็เลยชื่นชอบและหัดเล่นกีต้าร์มานับแต่นั้น ต่อมาก็พัฒนา
               ประกันภัยและเงินท าขวัญที่ครอบครัวเขาจ่ายให้มาเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็น  มาเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าเป็นวงดนตรีกับเพื่อนๆ โดยผมรบเร้าคุณพ่อให้ซื้อทั้งกีต้าร์โปร่ง
               จุดเริ่มต้นที่ผมเริ่มสนใจกฎหมายมาตั้งแต่เด็ก ในเบื้องต้นก็จะถามคุณพ่อก่อนว่า   และไฟฟ้าจนคุณพ่อใจอ่อนและยอมซื้อตัวที่ราคาย่อมเยาให้ผมเล่น และนั่นแหละ

               ถ้าหากผมจะท าวิชาชีพทางกฎหมายอยากให้ผมเป็นอะไร คุณพ่อผมก็บอกว่า ให้       ครับคือจุดเริ่มต้นในวัยเด็กที่ท าให้ผมเริ่มลังเลกับการที่อยากจะเป็น “นักดนตรี”
               ลองเป็นทนายความก่อน แล้วถ้ามีประสบการณ์มองคนออกแล้วก็ค่อยไปสอบ            ขึ้นเสียแล้ว ฮ่าๆๆ

               ราชการต่อ หรืออยากท าทนายความต่อก็แล้วแต่ผม นี่จึงเป็นการเริ่มต้นที่ผมได้
               ลองสนใจค้นคว้ารูปแบบงานทนายความ แต่ก็ไม่ได้รู้มากมายอะไรนัก เพราะ                ผมเคยมีความฝันในวัยเด็กอยู่ว่า โตขึ้นอยากเป็นนักดนตรี เพราะชอบ

               ขณะนั้นยังเป็นเด็กอยู่ แต่เมื่อคุณครูถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ผมก็จะตอบไป  เกี่ยวกับการแกะเพลงเล่นกีต้าร์ให้เพื่อนร้องอย่างมาก และชอบไปซ้อมเล่นเป็นวง

               เสมอว่า “อยากเป็นทนายความครับ” ซึ่งเด็กเพื่อนๆ ทุกคนในห้องต่างก็หันมา     กับเพื่อนๆ แต่ก็ยังดีที่ช่วงมัธยมปลายยังไม่ค่อยออกนอกลู่นอกทางมากนัก ซึ่งผม
               มองหน้าผมว่า แตกต่างจากคนอื่นเพราะส่วนใหญ่ก็มักจะตอบว่า อยากเป็นหมอ       สอบติดสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ และทางบ้านก็ให้เรียนสายนี้ไปก่อน

               บ้าง อยากเป็นทหารหรือต ารวจบ้าง นั่นเองครับ                               เพราะจบแล้วเราจะสามารถเลือกไปท างานสายงานไหนก็ได้จะกว้างกว่า
                                                                                         ภายหลังเมื่อใกล้จบ ม.๖ จึงเริ่มมาคิดหนักว่าจะไปทางไหนดี เพราะชีวิตช่วงนั้น
                       หลักธรรมประการหนึ่ง ที่ผมได้รับจากคุณพ่อจากเหตุการณ์เลวร้ายที่ว่า  ยังคงติดอยู่กับเพื่อนๆ เล่นดนตรีและแต่งเพลงอยู่ (ก่อนหน้านี้ผมเคยเก็บเงิน
               มานั้น ก็คือ การไม่ยึดติด คือ ลดละจากสิ่งที่เราอยากได้อยากมี นั่นก็คือ จาก  เดินทางไปพักหอในตัวอ าเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่เพื่อบันทึกเสียงท าเพลงกับ

               การที่คุณพ่อผมไม่อยากจะถือโทษเอาความกับคนที่ท าร้ายพ่ออีก ปล่อยวางจาก     เพื่อนๆ อยู่หลายครั้งเลยนะครับ แต่ท าไม่ครบอัลบั้มซักที ฮาๆๆๆ) และเท่าที่จ า
               ความโกรธ และความเจ็บปวดที่เคยได้รับมา จากนั้นยิ้มสู้กับชีวิตที่ยังคงหายใจอยู่  ได้สมัยมัธยมผมกับเพื่อนๆ เคยได้รางวัลอยู่เพียง ๒ ครั้ง คือรองชนะเลิศอันดับ ๒

               ได้ต่อไป ท าให้ผมคิดว่าเป็นต้นแบบที่ดีเยี่ยมของผมตั้งแต่เด็กเลยทีเดียว ท าให้ผม  งานทูบีนัมเบอร์วันประจ าอ าเภอ กับรางวัลชนะเลิศงานประกวดดนตรีด้านยา

               มีจิตใจที่เข้มแข็งไม่สะทกสะท้านกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตจน  เสพติดของต าบลโหล่งขอด อ าเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้นครับ^^’ ต้อง
               สามารถผ่านพ้นมาจนถึงทุกวันนี้ได้โดยสวัสดิภาพ
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12