Page 9 - จากบุตรช่างสู่บัลลังก์ศาล
P. 9

ผ่านเป็นเนติบัณฑิตไทยเสียก่อน จะมีสิทธิสมัครสอบได้ มาถึงตอนนี้ ผมจึงเข้าใจ  มันอย่างหนักหน่วงจริงจังเพื่อจะได้สอบผ่านเป็นเนติบัณฑิตไทยโดยเร็วที่สุด

               ในทันทีว่า แม้จะจบปริญญาตรียังไม่พอแล้วส าหรับสายงานนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะ  เพราะจะไม่ต้องการรบกวนทางบ้านให้เนิ่นนานเกินไป ผมจะได้ไปเริ่มทดลอง
               ท างานดีๆ ได้เลยทันที ถึงตอนนี้ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ ผมเพิ่งจะมารู้จักค าว่า   ท างานในสายงานกฎหมายเสียที เมื่อผมสอบผ่านเนติบัณฑิตพร้อมๆ กับสอบผ่าน

               “อัยการ” กับ “ผู้พิพากษา” อย่างแท้จริงก็ตอนนี้ ซึ่งอาจจะแตกต่างกับเด็กๆ   ใบอนุญาตว่าความเป็นทนายความไปด้วย จากนั้นจึงไปสมัครงานด้านกฎหมาย

               ทั่วไป ในสมัยยุคโซเชียลนี้ที่สามารถรับรู้ข้อมูลได้อย่างกว้างขวางและสามารถ  ท าต่อไป
               ตั้งเป้าหมายแล้ววางแผนที่จะเป็นอัยการหรือผู้พิพากษามาแต่เนิ่นๆ ได้ อันท าให้     ชีวิตการท างานโดยสังเขป

               เด็กๆ สามารถได้พบเห็นแรงบันดาลใจจากผู้ประสบความส าเร็จได้อย่าง
               แพร่หลายจากสื่อต่างๆ                                                             ก่อนหน้าที่ผมจะสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา ต้องยอมรับว่าหน้าที่การงานของ

                                                                                         ผมไม่ได้หลากหลายและไม่ตื่นตาอะไรมากนัก เพราะตอนเป็นเด็กก็ท างานช่วย
                       ภายหลังจากที่จบปริญญาตรี ผมจึงวางแผนและตัดสินใจทันทีโดยไม่
                                                                                         ครอบครัวที่อู่ซ่อมรถที่บ้านมาโดยตลอด พอมาเรียนมหาวิทยาลัยในตัวอ าเภอ
               ค่อยคิดอะไรมาก เพียงแต่ยังไม่อยากท างาน เพราะไม่รู้จะเริ่มจากงานอะไรดีใน  เมืองจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะเรียนอย่างเดียวไม่ได้ท างานนอกเวลาอะไรไปด้วย ส่วน
               ขณะนั้น จึงปรึกษาทางบ้านขอส่งไปเรียนต่อเนติบัณฑิตที่กรุงเทพอีกนิดจะได้ไหม   วันหยุดก็จะกลับไปช่วยงานที่บ้านเท่านั้น จากนั้นเมื่อตัดสินใจเข้ามาศึกษาต่อชั้น

               ซึ่งพ่อกับแม่ผมก็เห็นพ้องด้วยอย่างดุษฎีเพราะคุณพ่อกับคุณแม่คาดการณ์แล้วว่า  เนติบัณฑิตที่กรุงเทพก็เรียนอย่างเดียวเช่นกัน (เน้นให้จบไว้ก่อน) เพราะผมศึกษา

               ยังพอมีทุนส่งผมได้อยู่ นับแต่นั้นมาผมก็เก็บข้าวของมุ่งเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพ  ข้อมูลมาก่อนแล้วว่า การเรียนระดับชั้นนี้จะต้องทุ่มเวลาให้อย่างมาก และได้ยิน
               และพบปะกับนักกฎหมายหลายท่านจึงได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
                                                                                         ว่าน้อยคนนักที่จะท างานไปด้วยแล้วเรียนจบเนติฯ ไปด้วย ภายในปีเดียว ใน
               และประสบการณ์แก่กันมาโดยตลอด ท าให้ผมซึมซับขึ้นเรื่อยๆ จนท าให้ความ       ขณะเดียวกันนั้นผมก็แบ่งเวลาอ่านหนังสือสอบใบอนุญาตว่าความของสภา
               อยากเป็นนักดนตรีของผมลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และแทบจะไม่มีเหลือ เพราะไม่        ทนายความไปด้วย พอเรียนเนติบัณฑิตจบผมก็สอบผ่านใบอนุญาตว่าความ

               ค่อยได้ซ้อมและฝึกฝีมือเลย และหันมามุ่งอ่านหนังสือเตรียมสอบทั้งเนติบัณฑิต  ภาคปฏิบัติพอดี เพียงแต่รอสอบปากเปล่าเท่านั้น ช่วงเวลานั้นผมก็เลยมานั่งคิด
               และทนายความควบคู่กันไปด้วย เพราะสมัยตอนที่ผมเรียนนั้นจะมีการสอบ           ใคร่ครวญว่าจะมีเวลาว่างแล้วหลังจบเนติฯ และเราก็ใช้เวลาของชีวิตที่ผ่านมาอยู่

               ใบอนุญาตว่าความรุ่นที่ ๓๗ ใกล้ๆ กับวันสอบเนติบัณฑิตพอดี และตั้งเป้าหมาย   กับแต่หนังสือเป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังไม่อยากนั่งอ่านหนังสือต่ออีกในทันทีเหมือนผู้

               ไว้ในใจว่าหากผ่านเนติบัณฑิตก็จะวางแผนสอบเป็นอัยการหรือผู้พิพากษาต่อไป     เตรียมสอบทั่วๆ ไป จึงตัดสินใจออกหาประสบการณ์ชีวิตบนเส้นทางนักกฎหมาย
               ตามล าดับ จึงท าให้ผมเริ่มวางแผนการเรียนและการอ่านหนังสือ กับทั้งลงมือท า
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14